เลี้ยงลูกแบบเทวดา เท่ากับ ทำร้ายลูกแบบซาตาน

การเลี้ยงลูกแบบตามใจหรือ "เลี้ยงลูกแบบเทวดา" โดยขาดการวางขอบเขตที่ชัดเจน อาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางอารมณ์ สังคม และจิตใจของเด็กในระยะยาว
ในยุคปัจจุบัน พ่อแม่หลายคนมีความตั้งใจดีที่ต้องการให้ลูกมีความสุข ไม่ต้องเผชิญกับความลำบากเหมือนตนเองในอดีต การเลี้ยงลูกแบบตามใจหรือ “เลี้ยงลูกแบบเทวดา” จึงกลายเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยในสังคมไทย อย่างไรก็ตาม การตามใจลูกมากเกินไปโดยขาดการวางขอบเขตที่ชัดเจน อาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางอารมณ์ สังคม และจิตใจของเด็กในระยะยาว
ความหมายของการ “เลี้ยงลูกแบบเทวดา”
การเลี้ยงลูกแบบเทวดา หรือ Permissive Parenting เป็นรูปแบบการเลี้ยงดูที่พ่อแม่มีความเอาใจใส่และอบอุ่นกับลูก แต่ขาดการวางขอบเขตที่ชัดเจน ไม่กำหนดกฎเกณฑ์หรือข้อจำกัดในการกระทำของลูก พ่อแม่มักจะยอมตามความต้องการของลูกโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมหรือผลกระทบในระยะยาว
ผลกระทบของการ “เลี้ยงลูกแบบเทวดา”
-
ขาดวินัยและความรับผิดชอบ
เด็กที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีขอบเขตชัดเจน มักจะขาดวินัยในตนเอง ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมหรืออารมณ์ของตนได้ และมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในชีวิตประจำวัน
-
พึ่งพาผู้อื่นและขาดความมั่นใจ
การที่พ่อแม่ทำทุกอย่างให้ลูกโดยไม่ให้ลูกมีโอกาสเรียนรู้หรือเผชิญกับความยากลำบาก อาจทำให้เด็กขาดความมั่นใจในตนเอง และพึ่งพาผู้อื่นในการตัดสินใจหรือแก้ไขปัญหา
-
ปัญหาทางอารมณ์และพฤติกรรม
เด็กที่ไม่ได้รับการสอนให้เข้าใจและจัดการกับอารมณ์ของตนเอง อาจมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาทางอารมณ์ เช่น ความวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตามความต้องการ
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
งานวิจัยหลายชิ้นได้ศึกษาผลกระทบของการเลี้ยงลูกแบบตามใจต่อพัฒนาการของเด็ก เช่น งานวิจัยของ Diana Baumrind (1971) ได้แบ่งรูปแบบการเลี้ยงดูออกเป็น 4 แบบ และพบว่าการเลี้ยงดูแบบ Permissive Parenting ส่งผลให้เด็กมีปัญหาในการควบคุมตนเองและขาดความรับผิดชอบ นอกจากนี้ งานวิจัยในประเทศไทยโดย หัทยา ขอสันติวิวัฒน์ (2564) พบว่าการเลี้ยงดูที่ขาดการวางขอบเขตชัดเจน มีความสัมพันธ์กับการใช้ความรุนแรงในการอบรมเลี้ยงดูบุตร และส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็กในระยะยาว
สถิติที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย
- ครอบครัวไม่สมบูรณ์ การสำรวจครัวเรือนแสดงให้เห็นว่าเด็กเล็กไทยเกือบครึ่ง ไม่ได้อยู่ในครอบครัวสมบูรณ์ ที่มีพ่อ-แม่-ลูกพร้อมหน้า เด็กเล็กที่ได้อยู่ในครัวเรือนกับพ่อและแม่มีเพียง 57.5% เท่านั้น อีก 42.5% ต้องอยู่ในครัวเรือนที่ไม่พร้อมหน้ากัน
- การใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ รายงานการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการเด็กปฐมวัยไทยครั้งที่ 6 พ.ศ. 2560 พบว่า พ่อแม่ผู้ปกครอง หรือผู้เลี้ยงดูเด็กมีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในการเล่นและทำกิจกรรมต่าง ๆ กับเด็กมีถึงร้อยละ 67.30 โดยมีระยะเวลาการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในการเล่นและทำกิจกรรมต่าง ๆ กับเด็กมากกว่า 1 ครั้งต่อวันมีถึงร้อยละ 88.1
แนวทางการเลี้ยงดูที่เหมาะสม
เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเลี้ยงลูกแบบตามใจ พ่อแม่ควรพิจารณาแนวทางการเลี้ยงดูที่มีความสมดุลระหว่างความรักและการวางขอบเขต
-
การเลี้ยงดูแบบมีขอบเขต (Authoritative Parenting)
การเลี้ยงดูแบบนี้เน้นการสื่อสารที่เปิดเผยและการวางขอบเขตที่ชัดเจน พ่อแม่ให้ความรักและการสนับสนุนลูก แต่ในขณะเดียวกันก็มีการกำหนดกฎเกณฑ์และคาดหวังให้ลูกปฏิบัติตาม
-
การใช้วินัยเชิงบวก
การใช้วินัยเชิงบวกเน้นการสอนและแนะนำพฤติกรรมที่เหมาะสมแทนการลงโทษ พ่อแม่ควรสื่อสารกับลูกด้วยความเข้าใจ และใช้เหตุผลในการอธิบายถึงผลกระทบของพฤติกรรมต่างๆ เลี้ยงลูกแบบเทวดา หรือตามใจลูกมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการและบุคลิกภาพของเด็กในระยะยาว พ่อแม่ควรตระหนักถึงความสำคัญของการวางขอบเขตที่ชัดเจน และใช้แนวทางการเลี้ยงดูที่สมดุลระหว่างความรักและการกำหนดกฎเกณฑ์ เพื่อส่งเสริมให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบและสามารถปรับตัวในสังคมได้อย่างเหมาะสม
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหา เพราะโตมาในบ้านที่ไม่มีใคร “กอด” กันเลย
ครอบครัวแบบไหนไม่ทำร้ายเด็ก สร้างพื้นที่ปลอดภัย เป็นความสบายใจให้ลูก