เล่นกับลูกยังไงให้ฉลาด? 10 วิธี กระตุ้นประสาทสัมผัสลูกในครรภ์

แนะนำวิธีเล่นกับลูกง่ายๆ 10 วิธีกระตุ้นประสาทสัมผัสลูกในครรภ์ ให้ลูกมีพัฒนาการดี สมองไว เริ่มได้เลย ไม่ต้องรอคลอด
ชีวิตน้อยๆ ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในครรภ์แม่ กำลังพัฒนาอวัยวะและประสาทสัมผัสต่างๆ อย่างต่อเนื่อง การมีปฏิสัมพันธ์กับลูกน้อยตั้งแต่ในครรภ์ จึงสำคัญต่อการวางรากฐานความฉลาดและพัฒนาการที่ดีรอบด้านของลูก วันนี้เรามี วิธีเล่นกับลูกง่ายๆ 10 วิธี กระตุ้นประสาทสัมผัสลูกในครรภ์ เพื่อให้ลูกมีพัฒนาการดี สมองไวตั้งแต่ในครรภ์มาฝากค่ะ
ประสาทสัมผัสของทารกในครรภ์ เริ่มพัฒนาเมื่อไหร่?
แม้จะอยู่ในพื้นที่จำกัดในครรภ์แม่ แต่ลูกน้อยก็มีการพัฒนาประสาทสัมผัสทั้ง 5 อย่างน่าทึ่ง ซึ่งจะค่อยๆ เริ่มทำงานและสมบูรณ์ขึ้นตามลำดับดังนี้
-
การสัมผัส
การสัมผัส คือ ประสาทสัมผัสแรกที่เริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว ลูกน้อยจะเริ่มตอบสนองต่อการสัมผัสได้ตั้งแต่ประมาณ สัปดาห์ที่ 8-10 โดยเริ่มจากบริเวณริมฝีปากและแก้ม จากนั้นจึงพัฒนาไปทั่วร่างกายภายในสัปดาห์ที่ 14 การสัมผัสช่วยให้ลูกน้อยรับรู้ถึงสิ่งรอบตัว รวมถึงเรียนรู้ขอบเขตและตำแหน่งของร่างกายตัวเอง
-
การได้ยิน
โครงสร้างของหูเริ่มก่อตัวตั้งแต่ไตรมาสแรก แต่ลูกน้อยจะเริ่มได้ยินเสียงอย่างชัดเจนขึ้นประมาณ สัปดาห์ที่ 16-18 และจะตอบสนองต่อเสียงต่างๆ ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ การได้ยินช่วยให้ลูกน้อยคุ้นเคยกับเสียงที่อยู่รอบตัว โดยเฉพาะเสียงหัวใจและเสียงพูดของคุณแม่ ซึ่งจะกลายเป็นเสียงที่สร้างความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นเมื่อเขาคลอดออกมา
-
การรับรส
ตุ่มรับรสเริ่มพัฒนาประมาณ สัปดาห์ที่ 11-15 และลูกน้อยจะเริ่มกลืนน้ำคร่ำ ซึ่งมีรสชาติแตกต่างกันไปตามอาหารที่คุณแม่รับประทาน (เช่น หวาน, ขม) ทำให้เขาสามารถแยกแยะรสชาติได้ การพัฒนาประสาทรับรส เป็นการเตรียมความพร้อมให้ลูกน้อยคุ้นเคยกับรสชาติหลากหลาย ก่อนที่จะเริ่มรับประทานอาหารหลังคลอด
-
การได้กลิ่น
โครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการได้กลิ่นเริ่มก่อตัวประมาณ สัปดาห์ที่ 11-15 และลูกน้อยจะเริ่มรับรู้กลิ่นที่อยู่ในน้ำคร่ำได้ การได้กลิ่นจะช่วยให้ลูกน้อยจำกลิ่นเฉพาะตัวของคุณแม่ได้หลังคลอด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
-
การมองเห็น
ดวงตาเริ่มก่อตัวเร็วตั้งแต่ไตรมาสแรก แต่การมองเห็นเป็นประสาทสัมผัสสุดท้ายที่พัฒนา เนื่องจากสภาพแวดล้อมในครรภ์มืดมาก ลูกน้อยจะเริ่มตอบสนองต่อแสงสว่างจางๆ ที่ส่องผ่านหน้าท้องได้ประมาณ สัปดาห์ที่ 26-28 ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการปรับตัวและมองเห็นโลกภายนอกเมื่อคลอด
ประโยชน์ของการเล่นกับลูกในท้อง กระตุ้นประสาทสัมผัสลูกในครรภ์
การเล่นกับลูกน้อยในครรภ์ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างความผูกพันทางอารมณ์เท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อพัฒนาการสมองและการเรียนรู้ของลูกน้อยอย่างมหาศาล
- สร้างเครือข่ายใยประสาทในสมอง: การกระตุ้นประสาทสัมผัสอย่างสม่ำเสมอจะช่วยส่งเสริมการสร้างและการเชื่อมโยงของใยประสาทในสมอง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของความฉลาด การเรียนรู้ และการแก้ปัญหา
- พัฒนาการทางภาษาและทักษะการสื่อสาร: การฟังเสียงและการพูดคุยช่วยให้ลูกคุ้นเคยกับจังหวะของภาษาและคำศัพท์
- พัฒนาการด้านอารมณ์และสังคม: ลูกน้อยที่ได้รับการกระตุ้นและตอบสนองอย่างสม่ำเสมอ มักจะมีอารมณ์ดี สงบ และมีสายใยผูกพันกับคุณแม่แน่นแฟ้น
- กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นและการเรียนรู้: การได้รับสิ่งกระตุ้นใหม่ๆ ทำให้สมองของลูกน้อยมีการทำงานและเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนรู้สิ่งต่างๆ หลังคลอด
- ส่งเสริมการพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว: การรับรู้การสัมผัสและการตอบสนองต่อการกระตุ้นช่วยให้ลูกน้อยมีการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วขึ้น
10 วิธี กระตุ้นประสาทสัมผัสลูกในครรภ์ เล่นกับลูกยังไงในฉลาดตั้งแต่ในท้องแม่
มาดู 10 วิธีง่ายๆ ที่คุณแม่สามารถทำได้ทุกวัน เพื่อช่วย กระตุ้นประสาทสัมผัสลูกในครรภ์ ให้เติบโตอย่างฉลาดและแข็งแรงกันค่ะ!
1. พูดคุยกับลูกน้อยบ่อยๆ (กระตุ้นการได้ยิน, ภาษา)
เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวันของคุณแม่, แนะนำตัวเองและคุณพ่อ, พูดคุยกับลูกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือแค่ทักทาย “สวัสดีครับ/ค่ะลูกรัก” ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและนุ่มนวล
ประโยชน์: ลูกน้อยจะเริ่มคุ้นเคยกับเสียงของคุณแม่ ซึ่งเป็นเสียงที่ปลอดภัยและอบอุ่นที่สุด และช่วยสร้างความผูกพันทางอารมณ์ รวมถึงวางรากฐานด้านภาษา
2. ร้องเพลงหรือเปิดเพลงคลาสสิก/บรรเลงเบาๆ (กระตุ้นการได้ยิน, อารมณ์)
ร้องเพลงกล่อมเด็ก เพลงที่คุณแม่ชอบ หรือเปิดเพลงคลาสสิกอย่าง Mozart, Beethoven, หรือเพลงบรรเลงที่มีจังหวะผ่อนคลาย (เลี่ยงเพลงที่มีจังหวะรุนแรงหรือเสียงดังเกินไป) เปิดในระดับเสียงที่พอดี ไม่ต้องจ่อลำโพงที่หน้าท้องโดยตรง
ประโยชน์: เสียงเพลงช่วยกระตุ้นการได้ยินและจังหวะ ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนาการทางดนตรีและอารมณ์ของลูกน้อย
3. อ่านนิทานหรือหนังสือให้ลูกฟัง (กระตุ้นการได้ยิน, ภาษา, จินตนาการ)
เลือกนิทานหรือหนังสือที่มีเนื้อหาดีๆ มีภาพประกอบสวยงาม อ่านออกเสียงด้วยน้ำเสียงที่หลากหลาย มีสูง-ต่ำ น่าสนใจ
ประโยชน์: เป็นการฝึกการฟังให้ลูกน้อยคุ้นเคยกับสำเนียงและคำศัพท์ ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาและจินตนาการตั้งแต่ในครรภ์
4. ลูบหน้าท้องอย่างอ่อนโยน (กระตุ้นการสัมผัส)
ใช้มือของคุณแม่ลูบไล้หน้าท้องอย่างเบามือเป็นวงกลม หรือลูบไปตามตำแหน่งที่ลูกน้อยเคลื่อนไหวบ่อยๆ สังเกตการตอบสนองของลูกน้อย
ประโยชน์: เป็นการสื่อสารผ่านการสัมผัส ช่วยให้ลูกน้อยรับรู้ถึงการสัมผัสจากภายนอก สร้างความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น
5. นวดหน้าท้องเบาๆ ด้วยโลชั่นบำรุงผิว (กระตุ้นการสัมผัส, กลิ่น)
ใช้โลชั่นบำรุงผิวสำหรับคนท้องที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ (หากคุณแม่ไม่แพ้กลิ่น) นวดหน้าท้องเบาๆ เป็นวงกลมขณะอาบน้ำหรือก่อนนอน
ประโยชน์: กระตุ้นประสาทสัมผัสลูกในครรภ์ ทั้งการสัมผัสและกลิ่นของลูกน้อย นอกจากนี้ยังช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหน้าท้องของคุณแม่ด้วย
6. ตอบสนองต่อการเตะหรือดิ้นของลูก (กระตุ้นการสัมผัส, การสื่อสารสองทาง)
เมื่อลูกน้อยเตะหรือดิ้น ให้คุณแม่ใช้มือลูบเบาๆ บริเวณที่ลูกดิ้น หรือลองแตะเบาๆ เพื่อให้ลูกรับรู้ว่าคุณแม่รับรู้การเคลื่อนไหวของเขา
ประโยชน์: เป็นการสื่อสารสองทาง ลูกน้อยจะเรียนรู้ว่าการกระทำของเขาสามารถส่งผลให้เกิดการตอบสนองได้ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
7. เดินเล่นและทำกิจกรรมที่เคลื่อนไหวอย่างเบาๆ (กระตุ้นการทรงตัว, การรับรู้การเคลื่อนไหว)
เดินเล่นในสวนสาธารณะ, โยคะสำหรับคนท้อง, หรือว่ายน้ำเบาๆ การเคลื่อนไหวของคุณแม่จะส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวของน้ำคร่ำ ซึ่งลูกน้อยจะรับรู้ได้
ประโยชน์: ช่วยกระตุ้นระบบประสาทที่ควบคุมการทรงตัวและการรับรู้การเคลื่อนไหวของลูกน้อย ทำให้พัฒนาการด้านการทรงตัวและกล้ามเนื้อทำงานประสานกันได้ดีขึ้น
8. ส่องไฟฉายไปที่หน้าท้อง (กระตุ้นการมองเห็น)
เมื่อทารกเข้าสู่ไตรมาสที่สาม (ประมาณสัปดาห์ที่ 28 ขึ้นไป) ลองใช้ไฟฉายส่องไปที่หน้าท้องประมาณ 1-2 วินาที แล้วเลื่อนไฟฉายไปมาอย่างช้าๆ ทำวันละ 1-2 ครั้ง (ไม่ควรทำนานหรือบ่อยเกินไป)
ประโยชน์: กระตุ้นประสาทลูกในครรภ์ ด้านการมองเห็นของลูกน้อยให้เริ่มทำงาน และลูกอาจมีการตอบสนองโดยการหันศีรษะตามแสงหรือเคลื่อนไหว
9. รับประทานอาหารหลากหลายรสชาติ (กระตุ้นการรับรส)
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหลากหลายรสชาติ โดยเฉพาะผักผลไม้สด (ปรึกษาแพทย์เรื่องอาหารที่เหมาะสม) รสชาติจากอาหารที่คุณแม่รับประทานจะซึมผ่านไปยังน้ำคร่ำที่ลูกน้อยกลืนเข้าไป
ประโยชน์: ช่วยให้ลูกน้อยคุ้นเคยกับรสชาติต่างๆ ตั้งแต่ในครรภ์ ทำให้เขาเปิดใจยอมรับอาหารใหม่ๆ หลังคลอดได้ง่ายขึ้น
10. พักผ่อนและทำสมาธิ (กระตุ้นอารมณ์, ความสงบ)
หายใจลึกๆ นั่งสมาธิ หรือทำกิจกรรมที่ช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลงเบาๆ แช่น้ำอุ่น (ไม่ร้อนจัด)
ประโยชน์: เมื่อคุณแม่ผ่อนคลาย ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุข (Endorphins) ซึ่งจะส่งผ่านไปยังลูกน้อย ทำให้ลูกน้อยรู้สึกสงบ มีความสุข และมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี
การเล่นกับลูกน้อยโดยการ กระตุ้นประสาทสัมผัสลูกในครรภ์ อย่างสม่ำเสมอและอ่อนโยน ไม่เพียงแต่สร้างความฉลาดรอบด้าน แต่ยังสร้างสายใยรักและความผูกพันที่มั่นคงระหว่างคุณแม่และลูก ซึ่งจะเป็นพื้นฐานความสุขและการเรียนรู้ตลอดชีวิตของลูกน้อยอีกด้วยค่ะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เพลงกล่อมลูกในท้อง ให้ลูกในท้องหลับสบาย คลอดออกมาเป็นเด็กฉลาด
รวมเพลงสำหรับคนท้อง เพลงคนท้อง ฟังได้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์