ผ่าคลอด 37 สัปดาห์ได้ไหม? 37 สัปดาห์ถือว่า ครบกำหนดคลอด จริงไหม?
ผ่าคลอด 37 สัปดาห์ได้ไหม? หมอสูติแนะนำว่า โดยทั่วไปการนัดผ่าคลอดควรทำที่ 39 สัปดาห์ มาฟังเหตุผล ข้อควรรู้ และคำถามยอดฮิตจากคุณแม่
หลายครอบครัวเลือก “ผ่าคลอด” ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความสะดวก ความปลอดภัย หรือแม้กระทั่งเรื่องฤกษ์ยาม แต่หนึ่งในคำถามยอดฮิตคือ “ถ้าจะ ผ่าคลอด 37 สัปดาห์ได้ไหม?” บทความนี้ อยากชวนคุณแม่ ๆ มาดูกันว่า ทำไมอีกเพียง “1–2 สัปดาห์” ถึงมีความหมายต่อสุขภาพลูกมากมายกว่าที่คิด พร้อมทั้งคำตอบจากทั้งแพทย์ไทยและแนวทางสากลค่ะ
37 สัปดาห์ถือว่า “ครบกำหนด” แล้วจริงไหม?
ตามนิยามมาตรฐานทางการแพทย์
- Early term = 37 สัปดาห์ – 38 สัปดาห์ 6 วัน
- Full term = 39 สัปดาห์ – 40 สัปดาห์ 6 วัน
ฟังดูเหมือน 37 สัปดาห์ก็ “ครบกำหนด” แล้ว แต่ในทางปฏิบัติ เด็กที่คลอดช่วง Early term ยังมีความเสี่ยงด้านระบบหายใจมากกว่าเด็กที่คลอดตอน Full term ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายโรงพยาบาลกำหนดการผ่าคลอดตามนัดไว้ที่ 39 สัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจว่าปอดและระบบต่าง ๆ ของลูกพร้อมที่สุดค่ะ

ทำไมควรนัดผ่าคลอด 39 สัปดาห์ขึ้นไป?
1. ลดความเสี่ยง “ภาวะหายใจเร็ว” (Transient Tachypnea of the Newborn; TTN)
ลูกที่ผ่าคลอดโดยไม่ผ่านช่องคลอด ขาดแรงบีบหน้าอกธรรมชาติที่จะช่วยไล่น้ำออกจากปอด จึงเสี่ยงมี ปอดชื้น หายใจเร็ว ต้องให้ออกซิเจนและเฝ้าระวังในหอผู้ป่วยทารกแรกเกิดมากกว่า
2. หลักฐานทางการแพทย์ยืนยัน
- งานวิจัยปี 2021 พบว่า ทารกที่คลอดโดยผ่าตัดมีโอกาสเกิด TTN สูงกว่าคลอดทางช่องคลอดถึง 3 เท่า
- ข้อมูลจาก National Institute for Health and Care Excellence (NICE, 2021) อังกฤษ แนะนำให้วางแผนผ่าคลอดที่ 39 สัปดาห์ขึ้นไป หากไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ก็ย้ำว่า ผ่าคลอดแบบนัด ควรหลัง 39 สัปดาห์ เพื่อความปลอดภัยของลูก
3. ปลอดภัยทั้งแม่และลูก
การรอจนถึง 39 สัปดาห์ช่วยให้ลูกพร้อมหายใจได้เองดีขึ้น ลดโอกาสเข้า NICU ขณะเดียวกันแม่ก็ได้รับการเตรียมตัวที่เหมาะสม
แล้วถ้าอยาก ผ่าคลอด 37 สัปดาห์ได้ไหม?
หมอนุ่น (พญ.ปนัดดา บรรยงวิจัย สูติแพทย์ รพ.จุฬารัตน์ 3 อินเตอร์) อธิบายไว้ว่า
การนัด ผ่าคลอดโดยที่ยังไม่เจ็บครรภ์ มาตรฐานปัจจุบันมักกำหนดไว้ 38–39 สัปดาห์ (หลายโรงพยาบาลกำหนด 39 สัปดาห์) เพราะทารกที่คลอดด้วยการผ่า โดยยังไม่ผ่านช่องคลอด จะไม่เกิดกระบวนการ “บีบหน้าอก” ตามธรรมชาติที่ช่วยไล่น้ำในปอด จึงเสี่ยงเกิด ภาวะปอดชื้น/หายใจเร็วช่วงแรกเกิด (TTN) ต้องเฝ้าระวังหรือเสริมออกซิเจนมากกว่าเด็กที่คลอดทางช่องคลอด
ดังนั้น หากคุณแม่อยาก “ขอผ่าคลอด” ที่ 37 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เจ้าของครรภ์โดยตรง เพราะโดยมาตรฐาน ยังถือว่าเร็ว เมื่อเทียบกับเกณฑ์นัดผ่าแบบ Elective ที่นิยม 38–39 สัปดาห์ และหลายแห่งยึด 39 สัปดาห์
ข้อเท็จจริงนี้ สอดคล้อง กับคำแนะนำของสากล: Planned/ Elective C-section ควรทำ ≥39 สัปดาห์ เพื่อลดปัญหาหายใจและการเข้าหอทารกแรกเกิด (NICU) ยกเว้นมีข้อบ่งชี้ให้ต้องคลอดเร็วกว่านั้นจริงๆ เช่น
- ครรภ์เป็นพิษ/ความดันโลหิตสูง
- รกเกาะต่ำ/รกเกาะลึก
- เบาหวานควบคุมยาก
- ลูกมีภาวะเจริญเติบโตผิดปกติ
- น้ำเดินก่อนกำหนด
แพทย์อาจตัดสินใจให้ผ่าคลอดได้ที่ 37–38 สัปดาห์ เพราะในกรณีนี้ “ประโยชน์ของการผ่าคลอดเร็วกว่ามีมากกว่าความเสี่ยง”

Q&A คำถามที่แม่ ๆ ชอบถาม
Q1: ลูกหนักเกิน 3,000 กรัมแล้ว ผ่าคลอด 37 สัปดาห์เลยได้ไหม?
โดยทั่วไป น้ำหนักลูกไม่ใช่เกณฑ์หลัก การนัดผ่าคลอดอยู่ที่ความสมบูรณ์ของปอดและการลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน ซึ่งต้องอายุครรภ์ ≥39 สัปดาห์
Q2: ถ้าเจ็บครรภ์เองตอน 37–38 สัปดาห์ จะยังรอได้ไหม?
ถ้าเจ็บครรภ์จริงหรือน้ำเดิน แพทย์จะประเมินทันที ไม่จำเป็นต้องรอถึง 39 สัปดาห์
Q3: ถ้าอยากเลือกฤกษ์คลอด ที่ 37–38 สัปดาห์ ได้ไหม?
หมอไม่แนะนำค่ะ เพราะความปลอดภัยของลูกสำคัญที่สุด หากไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ควรรอ 39 สัปดาห์
สรุป ผ่าคลอด 37 สัปดาห์ได้ไหม? ทำได้เฉพาะกรณีมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ แต่ถ้าเป็นการผ่าตัดแบบนัด (Elective Cesarean) โดยไม่มีอาการเจ็บครรภ์ คำแนะนำทั้งไทยและสากลคือ 39 สัปดาห์ขึ้นไป รออีกเพียง 1–2 สัปดาห์ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงการหายใจลำบากของลูกและเพิ่มโอกาสเริ่มต้นชีวิตอย่างแข็งแรงได้นะคะ
ที่มา : DrNoon Channel , ACOG , RCOG , NICE , กรมอนามัย
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ปักหมุดวันดี! ฤกษ์คลอดครึ่งปีหลัง 2568 เสริมดวงชะตาลูกรักให้รุ่งโรจน์
22 หมอสูตินรี ที่ไหนดี ปี 2568 รวมสูตินรีแพทย์ที่คุณแม่บอกว่าดี
10 สิ่งที่ทารกต้องการที่สุด จดไว้เลย! แม่ควรทำสิ่งนี้ตั้งแต่แรกเกิด