11 ของใช้เบบี๋ ที่ไม่จำเป็นต้องแพง

11 ของใช้เบบี๋ ที่ไม่จำเป็นต้องแพง

11 ของใช้เบบี๋ ที่ไม่จำเป็นต้องแพง

เตรียมของก่อนคลอด

ย่อมเป็นการดีที่คุณพ่อคุณแม่จะจัดเตรียมเสื้อผ้าหรือของใช้จำเป็นสำหรับลูกน้อยก่อนคลอดเผื่อไว้หลาย ๆ วัน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อให้ครบถ้วนในคราวเดียว เพราะอาจจะเป็นการเร่งตัวเองให้เครียดได้โดยไม่รู้ตัว หรือถ้าซื้อมาไว้มากจนใช้ไม่หมดก็จะเป็นการเปลืองเงินเปล่า ๆ อย่างเช่นเสื้อผ้าเด็กอ่อนจะใช้ได้ไม่นานเพราะลูกน้อยนั้นโตเร็วมาก ให้หาซื้อมาแค่พอใช้ก็พอแล้ว ส่วนเตียงหรือเปลก็ควรเลือกซื้อที่มีขนาดใหญ่หน่อยเพื่อจะใช้ได้หลายปี และทุกครั้งที่เลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้หรืออุปกรณ์ใด ๆ ก็ตาม คุณแม่จะต้องนึกถึงความปลอดภัยของลูกมาเป็นอันดับแรก และต้องแน่ใจว่าเหมาะสมและตอบสนองต่อความต้องการของลูก หากคุณแม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกมาก่อน การปรึกษากับผู้ที่มีลูกมาแล้วว่าควรซื้ออะไรหรือไม่ซื้ออะไร หรืออาจหยิบยืมจากญาติพี่น้องมาใช้ก็ยังได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินได้มากขึ้น

การเตรียมของใช้สําหรับทารกแรกเกิด

  • การเลือกซื้อของใช้ต่าง ๆ คุณแม่จะต้องใจเย็น ๆ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ ควรเดินดูเพื่อเปรียบเทียบราคาและคุณภาพ หากคุณแม่มีญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงที่เคยมีลูกมาแล้ว การบอกกล่าวให้หยิบยืมหรือยกให้ คุณแม่ก็ควรยิ้มรับอย่างยินดีและเต็มใจ
  • เครื่องใช้สำหรับลูกอาจไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่หมดทุกอย่าง เพราะลูกจะโตเร็วมาก การลงทุนซื้อของใช้บางอย่างจึงอาจไม่คุ้มค่า เช่น เปล หรือรถเข็น ถ้าสามารถหยิบยืมจากญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงได้ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก หรือหากจำเป็นต้องซื้อหาบางสิ่งจริง ๆ ก็ควรเลือกใช้ที่มีอายุการใช้งานนาน ๆ หรือสามารถนำมาดัดแปลงใช้ได้จนลูกโต
  • ในช่วงเดือนแรก ๆ คุณแม่กับลูกน้อยมักจะอยู่ที่บ้าน สิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการเลี้ยงดูลูกน้อยจึงมีไม่กี่อย่าง เช่น เครื่องนอน ข้าวของเครื่องใช้อาบน้ำ และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่พอจะช่วยผ่อนแรงคุณแม่เมื่อพาลูกออกมาเดินเล่น
  • สิ่งของจำเป็นหลายอย่างที่สามารถใช้ได้นาน เช่น ขวดนม ผ้าอ้อม สำลี ทิชชู ฯลฯ คุณแม่สามารถเตรียมเผื่อไว้ได้ เพราะของเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้อยู่แล้ว
  • สิ่งของเครื่องใช้สำหรับลูกควรเลือกที่มีลวดลายน่ารักสีสันสดใส เพราะจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการของลูกได้
  • อุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ที่มีเชือกผูก จะต้องผูกให้แน่น ถ้าเชือกยาวไปจนเกะกะก็ควรตัดทิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกกลืนเข้าไปจนสำลัก
  • รถเข็น ตะกร้าหิ้วเด็ก หรือเปล ต้องไม่มีเหลี่ยมมุมอันตราย ขอบที่แหลมคม หรือช่องใด ๆ ที่นิ้วของลูกจะเข้าไปติดค้างได้
  • ควรทยอยซื้อของเก็บไปเรื่อย ๆ ชวนคุณพ่อหรือเพื่อนฝูงไปด้วย เพื่อจะได้ช่วยกันเลือกและช่วยกันถือข้าวของ
  • อย่าวางลูกไว้บนโต๊ะทำงานหรือที่สูง เพราะเขาอาจพลิกตกลงมาได้
  • การทำความสะอาดก้นลูกที่ดีที่สุดคือการล้างด้วยน้ำ เพราะการใช้สำลีหรือกระดาษเช็ดก้นเช็ดอาจไม่สะอาด เกิดคราบสกปรกตกค้างอยู่บนผิวหนัง และทำให้เกิดผื่นแดงตามมาได้
  • 11 ของใช้เบบี๋ ที่ ไม่จำเป็นต้องแพง

    11 ของใช้เบบี๋ ที่ ไม่จำเป็นต้องแพง

  • คำแนะนำในการเลือกซื้อผ้าให้ลูกน้อย
    1. เนื่องจากลูกจะโตเร็วมากในช่วงขวบปีแรก ดังนั้นการหาซื้อเสื้อผ้าสำหรับทารกแรกเกิดคุณแม่สามารถซื้อผ้าขนาดเด็ก 3-6 เดือนมาเผื่อไว้ได้เลย (ยกเว้นว่าลูกจะคลอดก่อนกำหนดและมีน้ำหนักตัวน้อย)
    2. คุณแม่ไม่ควรซื้อเสื้อผ้ามากจนเกินไป (แต่ก็ไม่ควรน้อยเกินไปจนขาด ควรเตรียมเสื้อผ้าของลูกเผื่อเอาไว้บ้าง) เพราะลูกจะโตเร็วมาก เสื้อผ้าบางชิ้นที่ซื้อมาอาจสวมใส่ได้ไม่กี่ครั้งหรืออาจไม่ได้ใช้เลย เสื้อผ้าที่คับไปก็ทำให้ลูกไม่สบายเนื้อสบายตัว เมื่อเลือกซื้อก็ควรเลือกซื้อเท่าที่ต้องใช้งานจริง ๆ
    3. ควรเลือกซื้อเสื้อผ้าที่มีราคาไม่แพงจนเกินไป (แต่ต้องมีคุณภาพ เนื้อผ้าที่ลูกใส่สบายคือ ผ้าฝ้าย 100%) เสื้อผ้าที่มีราคาถูกบางครั้งก็ไม่มีคุณภาพ ใช้ไปไม่นานเนื้อผ้าเริ่มหยาบกระด้างและหลุดลุ่ย และที่สำคัญคุณแม่ไม่จำเป็นต้องซื้อตามแฟชั่นให้ทันสมัยหรือเสื้อผ้าหรูหรา อย่าไปคำนึงถึงความสวยงาม แต่ไม่มีประโยชน์ใด ๆ กับลูก เพราะอย่าลืมว่าลูกชอบชุดที่สวมใส่แล้วรู้สึกสบาย และแม้ว่าเสื้อผ้าบางแบบจะน่ารักก็จริง แต่ก็หาโอกาสใส่ได้น้อย เพราะผ้าอาจหนาเกินไป หรือมีการตกแต่งมากที่คอหรือแขน ซึ่งอาจทำให้ลูกรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวได้ คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดนี้เอาไว้ด้วยนะครับ
    4. เสื้อผ้าของลูกจะต้องสวมใส่สบาย คุณแม่จึงควรเลือกซื้อเสื้อผ้าหลวม ๆ เพื่อลูกจะได้เหยียดแขนยืดขาได้ตามสบาย ไม่ควรซื้อเสื้อให้พอดีตัวจนเกินไป เพราะเสื้ออาจคับหรือหด ซึ่งลูกคงไม่ชอบแน่ ๆ ถ้าเป็นเสื้อผ้าฝ้ายเนื้อนุ่มและสวมใส่สบายจะเหมาะกับลูกน้อยที่สุด เพราะผ้าใยสังเคราะห์จะไม่สามารถซับเหงื่อได้
    5. ในเรื่องความปลอดภัย แนะนำว่าผ้าทุกอย่างที่ให้ลูกใช้ ควรเป็นผ้าเนื้อแน่น เพื่อนิ้วเล็ก ๆ ของลูกจะได้ไม่เข้าไปติด หากใส่ชุดที่คลุมฝ่าเท้า ควรตรวจดูตะเข็บด้านในด้วยว่ามีเส้นด้ายหรือเส้นผมติดอยู่หรือไม่ เพราะอาจพันรอบนิ้วเท้าทำให้ลูกเจ็บปวดได้เช่นกัน ส่วนสายผูกโบควรผูกให้แน่นไม่หลุดจนเป็นสายพันรัดคอได้ อย่าซื้อเสื้อผ้าที่มีกระดุม หรือเสื้อผ้าที่มีวัสดุหรือป้ายหนาแข็ง รวมถึงเสื้อผ้าที่มีซิปก็ไม่เหมาะ เพราะอาจกดทับผิวเนื้ออันนุ่มละมุนของลูกเวลานอน และบางครั้งอาจเผลอรูดแล้วไปถูกผิวลูกได้ (หากซื้อมาแล้วควรตรวจดูความเรียบร้อยของซิป กระดุมติดแน่นดีหรือไม่ เพื่อป้องกันการหลุดหรือเด็กเอาใส่ปาก รวมถึงป้ายที่อาจระคายเคืองต่อผิวหนัง)
    6. การเตรียมเสื้อผ้าให้ลูกไม่จำเป็นต้องมีชุดสำหรับจุดประสงค์ที่หลากหลายเหมือนผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ชุดนอนก็สามารถเอามาใส่ตอนกลางวันได้ ชุดนอนแขนยาวขายาวจะเหมาะกับเด็กที่ไม่ชอบห่มผ้า ส่วนชุดขาสั้นจะเหมาะกับวันที่อากาศร้อน
    7. ครอบครัวที่มีพี่น้องอายุไล่เลี่ยกัน การส่งต่อเสื้อผ้าจะช่วยประหยัดได้มาก แต่คุณแม่ควรตรวจดูเสื้อผ้ามือสองเหล่านั้นด้วยว่ามีสภาพเรียบร้อย ไม่ชำรุดจนสร้างความรำคาญให้ลูกเวลาสวมใส่
    8. ควรซื้อเสื้อผ้าเตรียมไว้ให้เหมาะกับสภาพอากาศในช่วงที่ลูกคลอดและสวมใส่ได้สบาย สีไม่ตก
    9. ถ้าอากาศหนาว ควรสวมเสื้อผ้าให้ลูกอุ่นเพียงพอ แต่อย่าห่อตัวแน่นจนลูกอึดอัด
    10. เมื่อต้องเดินทางไปเมืองหนาวควรเตรียมหมวกเพื่อให้ความอบอุ่น เพราะเด็กอาจสูญเสียความร้อนทางศีรษะได้ง่าย คุณแม่ควรเลือกหมวกที่ไม่ใหญ่จนเลื่อนปิดหน้าลูก
    11. ในวันที่ต้องออกแดด ควรใส่หมวกปีกกว้างและมีสายรัดคาง เพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดทำอันตรายผิวบอบบางของลูก
    12. ที่คาดผมอาจดูน่ารักก็จริง แต่ถ้ารัดแน่นเกินไปก็อาจทำให้ลูกเจ็บศีรษะหรือเกิดอาการคันได้
    13. ลูกจะดิ้นเก่งมากในเวลานอน คุณแม่ควรเลือกเสื้อผ้าที่หลวมพอสบาย เพราะจะทำให้ลูกเคลื่อนไหวได้สะดวก ดิ้นสบาย และนอนหลับสนิท ชุดนอนควรใส่แล้วอุ่นสบาย ปิดคลุมร่างกายของลูกได้มิดชิด และเสื้อของลูกควรเป็นผ้าฝ้ายเนื้อนิ่ม คอกลมไม่มีปก
    14. ถ้าจำเป็นต้องพาลูกออกไปนอกบ้านในวันอากาศหนาว เสื้อกางเกงขายาวคงไม่พอ คุณแม่ต้องสวมถุงเท้าและหมวกให้ลูกด้วย ชุดเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวจะเหมาะในวันที่อากาศเย็น แต่ในวันที่แดดร้อนควรสวมชุดผ้าฝ้ายเนื้อบาง แขนสั้น และขาสั้น ลูกจะได้สบายเนื้อตัว

สำหรับครอบครัวที่มีเจ้าตัวเล็ก การเดินทางไม่ใช่เรื่องชิล ๆ อีกต่อไป การตระเตรียมอุปกรณ์ของใช้สำหรับลูกรักเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะถ้าขาดแม้แต่เพียงชิ้นเดียวอาจทำให้ทริปการเดินทางต้องสะดุด หมดสนุกกันแน่ ๆ แต่เดี๋ยวก่อน เรามีอุปกรณ์ที่จะช่วยให้การเดินทางของพ่อแม่ง่ายขึ้นสำหรับของใช้ลูกเหล่านี้ที่เหมาะสำหรับพกพาเอามาเป็นไอเดียให้ดู น่าจะเป็นบรรดาของใช้สำหรับลูกที่ถูกใจพ่อแม่นักเดินทางไม่ใช่น้อย

11 ของใช้ที่ทำให้พ่อแม่เดินทางกับลูกง่ายขึ้น

ชิ้นที่ 1 เก้าอี้นั่งสำหรับเด็กที่สามารถเปลี่ยนจากกระเป๋าล้อลากให้เป็นรถเข็นเด็กได้ในทันที

ของใช้สำหรับลูกน้อย

ชิ้นที่ 2 หมอนรองให้นมลูกแบบเป่าลมที่สามารถพกใส่กระเป๋าได้

21 ของใช้ที่ทำให้พ่อแม่เดินทางกับลูกง่ายขึ้น2

ชิ้นที่ 3 เก้าอี้นั่งสำหรับเด็กแบบคลิปติดกับขอบโต๊ะ

21 ของใช้ที่ทำให้พ่อแม่เดินทางกับลูกง่ายขึ้น3

ชิ้นที่ 4 หมอนรองคอแบบเป่าลมสำหรับเด็ก ซึ่งสามารถพกพาและใช้พื้นที่จัดเก็บเพียงนิดเดียวในกระเป๋าของลูก

21 ของใช้ที่ทำให้พ่อแม่เดินทางกับลูกง่ายขึ้น4

ชิ้นที่ 5 เป้อุ้มเด็กขนาดพกพาที่สามารถใส่ในกระเป๋าผ้าอ้อมได้อย่างพอดี

21 ของใช้ที่ทำให้พ่อแม่เดินทางกับลูกง่ายขึ้น5

ชิ้นที่ 6 ตุ๊กตานิ้วรูปไดโนเสาร์ที่จะช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกสนุกสนานในระหว่างที่เดินทางอยู่บนรถ

21 ของใช้ที่ทำให้พ่อแม่เดินทางกับลูกง่ายขึ้น6

ชิ้นที่ 7 สติ๊กเกอร์ติดมือรูปสัตว์ประหลาดซึ่งช่วยสร้างความบันเทิงได้เช่นกัน แค่พกใส่ที่ว่างในกระเป๋าตรงไหนก็ได้

21 ของใช้ที่ทำให้พ่อแม่เดินทางกับลูกง่ายขึ้น7

ชิ้นที่ 8 ประตูกั้นเด็กแบบพกพา ซึ่งห่อพับเก็บและพกติดรถได้อย่างไม่ยุ่งยาก

21 ของใช้ที่ทำให้พ่อแม่เดินทางกับลูกง่ายขึ้น9

ชิ้นที่ 9 คาร์ซีทแบบสวมใส่ที่มีขนาดเล็กพอที่จะจัดลงไปในเป้สัมภาระของลูกได้

21 ของใช้ที่ทำให้พ่อแม่เดินทางกับลูกง่ายขึ้น10

ชิ้นที่ 10 หัวแปลงขวดน้ำที่จะเปลี่ยนจากขวดน้ำธรรมดาให้กลายเป็นขวดน้ำของทารก

21 ของใช้ที่ทำให้พ่อแม่เดินทางกับลูกง่ายขึ้น11

ชิ้นที่ 11 ชุดเปลนอนเด็กแบบพกพาซึ่งติดตั้งเสร็จได้ใน 15 วินาทีเท่านั้น

21 ของใช้ที่ทำให้พ่อแม่เดินทางกับลูกง่ายขึ้น15

เห็นอุปกรณ์ของใช้แบบนี้แล้วอยากจะไปตามหาซื้อมาใช้กันเลยทีเดียว ดูแล้วทำให้ชีวิตของครอบครัวที่ชอบการเดินทางง่ายขึ้นเยอะเลยใช่ไหมคะ

ที่มา : www.sg.theasianparent.com

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
10 ของใช้จำเป็นในกระเป๋าแม่ลูกอ่อน
12 ของใช้เด็กอ่อนที่ควรซื้อไว้ให้พร้อม

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!