วิจัยชี้ ลูกนอนไม่พอ พ่อแม่นอนไม่เต็มอิ่ม ไม่ได้แค่ทำให้หาวบ่อย หรือหงุดหงิดง่าย แต่มันกำลังบั่นทอนสุขภาพจิตของลูกและพ่อแม่โดยไม่รู้ตัว
ในโลกที่เร่งรีบและมีหน้าจออยู่ทุกที่ การนอนที่ดีเป็นสิ่งที่ขาดหายไปในหลายครอบครัวโดยไม่ตั้งใจ แม้กระทั่งเด็กเล็กก็ยังนอนไม่เพียงพอจากตารางชีวิตที่วุ่นวาย และเมื่อพ่อแม่เองก็อดนอนตามไปด้วย ความเครียด ความเหนื่อยล้า และความห่างเหินในครอบครัวก็เริ่มสะสมโดยไม่รู้ตัว
การนอนไม่ใช่แค่พักผ่อน แต่เป็นรากฐานของสุขภาพจิตที่มั่นคง
ดร.ไบรอัน ราซซิโน (Brian Razzino, Ph.D.) นักจิตวิทยาคลินิกผู้เชี่ยวชาญด้านครอบครัว เปรียบการนอนเหมือน “รากฐานของบ้าน” หากฐานรากไม่แข็งแรง บ้านที่สร้างขึ้นก็ไม่มั่นคง สุขภาพจิตก็เช่นกัน
ข้อมูลจาก American Academy of Pediatrics (AAP) ระบุว่า เด็กวัย 6-12 ปี ควรนอนวันละ 9-12 ชั่วโมง และวัยรุ่นควรนอน 8-10 ชั่วโมงต่อคืน
แต่ในความเป็นจริง “1 ใน 3 ของเด็กวัยเรียนในสหรัฐฯ นอนไม่ถึงเกณฑ์ที่แนะนำ” (CDC, 2020)
ในเด็กที่นอนน้อยสะสมพบว่า
- เพิ่มความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล
- สมองทำงานช้าลง ขาดสมาธิ และควบคุมอารมณ์ได้ยาก
- ส่งผลต่อผลการเรียน ความจำ และความสัมพันธ์กับผู้อื่น

เด็กนอนไม่พอ สมองไม่ได้พัก อารมณ์ปั่นป่วน
การนอนทำหน้าที่ “ล้างสมอง” (Glymphatic System) โดยจะขจัดสารพิษและข้อมูลส่วนเกินออกในช่วงที่เราหลับ หากเด็กนอนน้อย สมองไม่ได้รับการรีเซต ผลที่ตามมาคือ
- อารมณ์แปรปรวน งอแง หรือก้าวร้าว
- ความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจลดลง
- มีความเสี่ยงของปัญหาพฤติกรรม เช่น ADHD, ซึมเศร้า หรือพฤติกรรมต่อต้านสังคม
การศึกษาในวารสาร JAMA Pediatrics (2022) พบว่า เด็กอายุ 6-12 ปี ที่นอนไม่พอมีโอกาสมีภาวะสุขภาพจิตแย่ลงถึง 53% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่นอนเพียงพอ
พ่อแม่ที่นอนไม่พอ ก็มีความเสี่ยงด้านจิตใจเช่นกัน
ไม่ใช่แค่ ลูกนอนไม่พอ เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ…แต่พ่อแม่เองที่อดนอนเพราะดูแลลูก ก็เสี่ยงต่อสุขภาพจิตไม่แพ้กัน
ข้อมูลจาก National Sleep Foundation (2021) พบว่า
- พ่อแม่มือใหม่นอนน้อยลงไปมากถึง 400-700 ชั่วโมงในปีแรกหลังคลอด
- คุณแม่ที่นอนน้อยกว่า 6 ชม. มีโอกาสเป็น “Baby Blues” หรือ “ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด” มากขึ้นถึง 2 เท่า
- ความเหนื่อยล้าเรื้อรังทำให้เกิดความรู้สึกเบลอ คิดไม่ออก ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ความสัมพันธ์ และความสามารถในการเลี้ยงดูลูก
ดร.รีเบคก้า วอลล์ (Rebekka Wall) ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอน กล่าวว่า “การนอนไม่พอทำให้สมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์ (Prefrontal cortex) ทำงานได้แย่ลง และระบบลิมบิก ที่เกี่ยวกับความเครียดทำงานหนักขึ้น ทำให้คุณพ่อคุณแม่มีแนวโน้ม ‘หัวร้อนง่าย’ และขาดความอดทนกับลูกโดยไม่ตั้งใจ”

สัญญาณเตือนว่า ลูกนอนไม่พอ
คุณแม่สังเกตได้ง่าย ๆ หากลูกมีพฤติกรรมเหล่านี้เป็นประจำ อาจเกิดจาก ลูกนอนไม่พอ
- ง่วงบ่อยระหว่างวันแม้จะเป็นตอนเช้า
- อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่ายกว่าปกติ
- หัวเราะง่าย ร้องไห้ง่าย (เหมือนจะดูน่ารัก แต่จริง ๆ คือสัญญาณอ่อนเพลีย)
- ขาดสมาธิ เรียนรู้ช้า
- มักป่วยง่าย ภูมิคุ้มกันตก
7 วิธีช่วยให้ทั้งครอบครัวนอนดีขึ้น จากผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญจาก Sleep Foundation และ Mayo Clinic แนะนำเคล็ดลับเหล่านี้ที่ทำได้จริงในบ้าน
- กำหนดเวลาเข้านอนให้สม่ำเสมอ แม้ในวันหยุด
- สร้างบรรยากาศก่อนนอน เช่น เปิดไฟสลัว อาบน้ำอุ่น อ่านนิทานเบา ๆ
- งดหน้าจอ 1 ชั่วโมงก่อนนอน เพราะแสงสีฟ้ายับยั้งเมลาโทนิน ฮอร์โมนแห่งการนอนหลับ
- จัดห้องนอนให้เงียบ มืด และเย็นเล็กน้อย เหมาะกับวงจรการหลับของร่างกาย
- ไม่ใช้ห้องนอนเป็นที่เล่นหรือดูทีวี เพื่อให้สมองเชื่อมโยง เมื่อเข้าห้องนอน ถือเป็นเวลานอน
- ฝึกลูกนอนเองตั้งแต่ยังเล็ก โดยใช้เทคนิค Gentle Sleep Training ไม่ให้ลูกร้องไห้หนักเกินไป
- พ่อแม่อย่าลืมใส่ใจการนอนของตัวเอง การพักผ่อนดี จะทำให้ใจเย็นขึ้น และมีแรงเลี้ยงลูกมากขึ้น

นอนดีทั้งบ้าน สุขภาพจิตดีทั้งครอบครัว
การนอนเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพกายและใจ ไม่ใช่แค่สำหรับเด็กแต่รวมถึงพ่อแม่ด้วย ลูกนอนไม่พอ พ่อแม่นอนไม่เต็มอิ่ม อาจทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังทางพฤติกรรมและอารมณ์โดยไม่รู้ตัว
ถ้าพ่อแม่นอนน้อย ลูกนอนไม่พอ บ้านทั้งบ้านก็ “ไม่พร้อม” รับมือกับความท้าทายของวันใหม่
เริ่มเปลี่ยนแปลงจากวันนี้…แค่เข้านอนเร็วขึ้นวันละนิด หันหลังให้จอก่อนนอน ฝึกกิจวัตรที่สบายใจ และให้ความสำคัญกับ “การพัก” เหมือนเป็น “หน้าที่เพื่อครอบครัว”
ที่มา : Parents.com , CDC , National Sleep Foundation
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อดนอนเพราะเลี้ยงลูก! 10 วิธีรักษาสติและพลังงาน ฉบับแม่ลูกอ่อนนอนน้อย
ทารกง่วงแต่ไม่ยอมนอน ทำไงดี? แนะวิธีแก้ ก่อนกระทบพัฒนาการลูกน้อย!
ลูกไม่ยอมนอนกลางวัน ทำไงดี? จะส่งผลเสียต่อพัฒนาการไหม?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!