TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • TAP Awards 2025
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

เลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในแบบของตัวเอง ไม่ต้องเรียนเก่งก็ประสบความสำเร็จได้!

บทความ 8 นาที
เลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในแบบของตัวเอง ไม่ต้องเรียนเก่งก็ประสบความสำเร็จได้!

ไม่ต้องเรียนเก่งก็ประสบความสำเร็จได้! เลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในแบบของตัวเอง ด้วยทฤษฎีจิตวิทยาและตัวอย่างบุคคลที่เรียนไม่เก่งแต่ไปได้ไกลในชีวิต

ไม่ต้องเรียนเก่งก็ประสบความสำเร็จได้! ความจริงแล้ว เด็กไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งเพื่อจะมีคุณค่าในสายตาใคร ไม่จำเป็นต้องได้เกรด A ถึงจะ “ไปได้ไกล” ในชีวิต เพราะความสำเร็จในโลกใบนี้ ไม่ได้มีแค่เส้นทางเดียว วันนี้เราขอชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจแนวทาง เลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในแบบของตัวเอง เพื่อปลดล็อกความกดดัน และเปิดทางให้ลูกเติบโตในแบบที่เขาเป็น

 

สารบัญ

  • ทำไมเราต้อง “เลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในแบบของตัวเอง”?
  • ความฉลาดมีหลายแบบ ไม่ใช่แค่ในห้องเรียน
  • ตัวอย่างคนที่เรียนไม่เก่ง…แต่ประสบความสำเร็จในชีวิต
  • แล้วเราจะ เลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในตัวเอง ได้อย่างไร?
  • ความสัมพันธ์เชิงบวก พื้นฐานสำคัญที่พ่อแม่ควรสร้าง 
  • การ “เรียนไม่เก่ง” กระทบอนาคตแค่ไหน?
  • พ่อแม่คือ “ผู้ปูทาง” ไม่ใช่ “คนบังคับทิศทาง”
  • เลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในแบบของตัวเอง ก่อนที่สังคมจะทำให้เขาหวั่นไหว

ทำไมเราต้อง “เลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในแบบของตัวเอง”?

มนุษย์ทุกคนล้วนมีคุณค่าโดยธรรมชาติ แต่ในวัยเด็ก เด็กยังไม่มีพลังพอจะรับรู้คุณค่าของตัวเองได้เต็มที่ เขาจึงอาศัยภาพสะท้อนจากพ่อแม่ ครู หรือคนรอบข้างเป็น “กระจก” ว่าตัวเขานั้นดีหรือไม่ดี มีคุณค่าหรือไม่

ถ้าเด็กได้ยินแต่คำว่า “ทำไมถึงไม่เก่งเหมือนเพื่อน หรือเหมือนพี่น้อง” เขาจะเริ่มสงสัยในคุณค่าตัวเอง
แต่ถ้าเด็กได้ยินคำว่า “แม่ภูมิใจที่หนูพยายาม” เขาจะค่อย ๆ เรียนรู้ว่า “ฉันมีคุณค่าในความพยายามของฉัน”

 

ความฉลาดมีหลายแบบ ไม่ใช่แค่ในห้องเรียน

1. Multiple Intelligences (Howard Gardner, 1983)

ศาสตราจารย์ Howard Gardner แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เสนอว่า “คนเราฉลาดได้หลายทาง” ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งถึงจะเรียกว่าฉลาด

เขาแบ่งความฉลาดออกเป็น 8 ด้าน เช่น:

  • ความฉลาดทางดนตรี
  • ความฉลาดด้านร่างกาย
  • ความฉลาดด้านมนุษยสัมพันธ์
  • ความฉลาดในการเข้าใจตนเอง
  • ความฉลาดทางตรรกะและคณิตศาสตร์
  • ความฉลาดทางภาษา
  • ความฉลาดทางมิติสัมพันธ์
  • ความฉลาดทางธรรมชาติ

เด็กที่วาดรูปเก่ง แก้ปัญหาดี หรือเข้าอกเข้าใจคนอื่น อาจไม่ได้สอบได้ที่หนึ่งในห้อง แต่ก็มีศักยภาพที่แท้จริงในเส้นทางของเขา

2. Growth Mindset (Dr. Carol Dweck)

งานวิจัยของ Dr. Dweck พบว่าเด็กที่ถูกเลี้ยงให้เชื่อว่า “ความสามารถพัฒนาได้” จะมีแนวโน้มประสบความสำเร็จในระยะยาวมากกว่าเด็กที่เชื่อว่า “ฉันเก่งหรือไม่เก่งมาตั้งแต่เกิด”

การเลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในแบบของตัวเอง จึงต้องเน้นที่ “ความพยายาม” มากกว่า “ผลลัพธ์”

 

เลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในแบบของตัวเอง

 

ตัวอย่างคนที่เรียนไม่เก่ง…แต่ประสบความสำเร็จในชีวิต

  • อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยถูกครูตำหนิว่า “เรียนช้า” และไม่เข้าใจบทเรียน

ไอน์สไตน์มักถูกครูตำหนิอยู่เสมอ แม้จะทำคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ได้ดีมาก แต่เขาเรียนวิชาอื่นได้แย่มาก และไม่ชอบการเรียนแบบท่องจำ

 

  • แจ็ก หม่า (Jack Ma) สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติดหลายครั้ง และถูกปฏิเสธงานหลายสิบแห่ง แต่กลายเป็นเจ้าของ Alibaba

จากบทความบนเว็บไซต์ Beartai ในหัวข้อ “บทเรียนชีวิต Jack Ma ‘สมัครงาน 30 ครั้งแต่ถูกปฏิเสธ’ ก่อนเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในจีน”.

ในบทความระบุว่า:

  • แจ็ก หม่าเคยสอบตกชั้นประถม 2 ครั้ง และมัธยมต้น 3 ครั้ง
  • พยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยถึง 3 ปี
  • สมัครงานกว่า 30 แห่ง รวมถึง KFC ที่รับคน 23 จาก 24 คน แต่เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับ
  • ถูกปฏิเสธจากมหาวิทยาลัย Harvard ถึง 10 ครั้ง

แม้จะเผชิญกับความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขายังคงมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ จนสามารถก่อตั้ง Alibaba ในปี 1999 และกลายเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีระดับโลก

 

  • มาดามแป้ง – นวลพรรณ ล่ำซำ นักบริหารหญิงแถวหน้าของไทย เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง แต่กล้าคิด กล้าทำ” 

บทสัมภาษณ์จากเว็บไซต์แพรว ในบทความชื่อว่า “ชีวิตจริงที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มาดามแป้ง นวลพรรณ CEO นักสู้หญิงเหล็ก”

ในบทสัมภาษณ์นั้น เธอเล่าถึงเส้นทางชีวิตและการทำงานที่เต็มไปด้วยความท้าทาย พร้อมเน้นย้ำถึงความกล้าคิด กล้าทำ และไม่ยอมแพ้ แม้จะไม่ได้เป็นเด็กเรียนเก่งในสายตาคนทั่วไป แต่เธอใช้ความมุ่งมั่นและความจริงใจเป็นแรงผลักดันในการสร้างความสำเร็จทั้งในธุรกิจและวงการกีฬา

แม้จะไม่ได้เป็นเด็กเรียนเก่งในสายตาคนทั่วไป แต่เธอใช้ความมุ่งมั่นและความจริงใจเป็นแรงผลักดันในการสร้างความสำเร็จทั้งในธุรกิจและวงการกีฬา

 

  • สตีฟ จ็อบส์ – ลาออกจากมหาวิทยาลัย แต่ปฏิวัติโลกเทคโนโลยีด้วย Apple

จากบทความบนเว็บไซต์ The People ในหัวข้อ “สตีฟ จอบส์ ลาออกจากมหาวิทยาลัย แล้วเลือกเรียนคัดลายมือฟรี แทนการเขียนโค้ด ทำให้โลกได้รู้จัก iPhone” ในบทความกล่าวถึง:

  • สตีฟ จ็อบส์ลาออกจาก Reed College หลังเรียนได้เพียงครึ่งปี เพราะไม่อยากให้พ่อแม่ต้องเสียเงินจำนวนมาก
  • เขาเลือกเรียนวิชาคัดลายมือฟรี ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบตัวอักษรบน Macintosh
  • แม้จะไม่ได้จบมหาวิทยาลัย แต่เขากลายเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Apple และมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติวงการเทคโนโลยีด้วยผลิตภัณฑ์อย่าง iPhone และ MacBook

 

  • บอย โกสิยพงษ์ – โปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงชื่อดังของไทย เป็นเด็กที่เรียนรั้งท้ายของห้อง มีคะแนนเฉลี่ยเพียง 1.04 จนถูกเชิญออกจากโรงเรียน 

บอย โกสิยพงษ์ เคยพูดถึงตัวเองว่า “ไม่ได้เป็นเด็กเรียนเก่ง” แต่ค้นพบความหลงใหลในดนตรีตั้งแต่เด็ก และเลือกเดินตามสิ่งที่รัก แม้จะไม่ใช่เส้นทางยอดนิยมในสมัยนั้น ผลงานเพลงของเขาสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยทั้งประเทศ และยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินมากมาย เช่น เบน ชลาทิศ, นภ พรชำนิ และวง B5

จากบทความบนเว็บไซต์ The Standard ในหัวข้อ “บอย โกสิยพงษ์ จากเด็กโข่งหัวทึบของชั้นเรียน สู่นักแต่งเพลงรักที่ยอดเยี่ยมที่สุด” บอยเล่าว่า “ครอบครัวผมเนี่ย ทั้งพ่อและพี่น้องทุกคนเป็นคนฉลาดหมด…มีแค่บอยนี่แหละที่เรียนได้ทุเรศมาก ๆ…แต่แม่ผมบอกว่า ดีแล้วที่บอยไม่เรียนเก่งแบบพี่น้องคนอื่น ๆ เพราะแม่จะได้มีเพื่อนสักคนหนึ่งในบ้านที่เป็นเหมือนแม่”

 

เลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในแบบของตัวเอง

 

บทความจากพันธมิตร
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
Value Health (Kids) ประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เจ้าของรางวัล Most Promising จากเวที TAP Awards 2023
Value Health (Kids) ประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เจ้าของรางวัล Most Promising จากเวที TAP Awards 2023

เด็กทุกคนมีเวลาเบ่งบานของตัวเอง 

เด็กแต่ละคนเติบโต พัฒนา หรือแสดงศักยภาพออกมาใน “จังหวะ” ที่ไม่เหมือนกัน

  • บางคนอาจพูดได้ตั้งแต่ขวบเดียว
  • บางคนอาจอ่านออกเขียนได้ก่อนเพื่อน
  • แต่บางคนก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะ “ค้นพบตัวเอง” หรือ “เข้าใจว่าเก่งอะไร”

เหมือนดอกไม้แต่ละชนิดที่เบ่งบานตามฤดูกาลของมัน

  • ซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ
  • ทานตะวันเบ่งบานกลางฤดูร้อน
  • ใบเมเปิ้ลสวยที่สุดเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง

“ไม่มีเด็กคนไหนด้อยค่า” เพียงเพราะยังไม่พร้อมจะเฉิดฉายในเวลาที่คนอื่นทำได้

เด็กบางคนอาจช้ากว่าเพื่อน…แต่วิ่งได้ไกลกว่ามาก

เด็กบางคนอาจจะไม่ได้ “ฉายแววเก่ง” ในช่วงประถมหรือมัธยมต้น แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะกับเขา เช่น เจอวิชาที่ชอบ กิจกรรมที่ใช่ หรือครูที่เข้าใจ เขาอาจพัฒนาอย่างรวดเร็ว และ “ไปได้ไกล” กว่าเพื่อน ๆ หลายคนที่ดูเหมือนจะไปได้เร็วในตอนแรก

เหมือนการวิ่งมาราธอน…คนที่ออกตัวช้ากว่า ไม่ได้แปลว่าเขาจะแพ้
หากเขา “วิ่งต่อไปเรื่อย ๆ” ด้วยแรงใจที่มั่นคง เขาอาจเข้าเส้นชัยได้อย่างสง่างามในแบบของตัวเอง

อย่าเร่งให้เด็กทุกคนต้องโตทันกัน อย่าวัดคุณค่าจากการเปรียบเทียบระยะสั้น แต่จงมองให้ไกล และสนับสนุนเขาในจังหวะที่เป็นธรรมชาติของเขาเอง

 

แล้วเราจะ เลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในตัวเอง ได้อย่างไร?

1. เปลี่ยนคำชมจาก “ผลลัพธ์” เป็น “กระบวนการ”

  • แทนที่จะพูดว่า “เก่งจัง ได้คะแนนเต็มเลย” ให้เปลี่ยนเป็นพูดว่า “แม่เห็นว่าหนูตั้งใจอ่านหนังสือมาก แม่ภูมิใจนะ”

2. หยุดเปรียบเทียบกับคนอื่น

  • คำว่า “ดูสิ เพื่อนเขายังทำได้” เป็นยาพิษที่ทำลายใจเด็ก เด็กทุกคนมีคุณค่าในแบบของตัวเอง และจะเบ่งบานอย่างงดงามเมื่อถึงจังหวะเวลาของเขา

3. เปิดโอกาสให้ลูกลองผิดลองถูก

  • อย่าเร่งให้ลูกต้อง “เก่ง” ทันทีทุกอย่าง ให้พื้นที่ในการทดลอง เช่น เล่นกีฬาใหม่ เรียนวาดรูป ทดลองทำขนม ฯลฯ

4. ยอมรับความผิดพลาดของลูกด้วยใจเปิดกว้าง

  • ความผิดพลาดเป็นโอกาสเรียนรู้ ไม่ใช่เครื่องชี้ว่า “ไม่ดีพอ”

5. สังเกตสิ่งที่ลูกทำแล้ว “มีความสุข”

  • เด็กที่หัวเราะตอนเต้น เด็กที่เงียบแต่วาดรูปได้นาน 3 ชั่วโมง เด็กที่ชอบอธิบายให้เพื่อนฟัง สิ่งเหล่านี้คือคำใบ้ของศักยภาพที่แท้จริง

ความสัมพันธ์เชิงบวก พื้นฐานสำคัญที่พ่อแม่ควรสร้าง 

งานวิจัยของ Harvard Center on the Developing Child พบว่า เด็กที่เติบโตในความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและสนับสนุนจากพ่อแม่ มีแนวโน้มประสบความสำเร็จมากกว่า IQ สูงหรือเกรดดี

การเลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในแบบของตัวเอง จึงต้องเริ่มที่บ้าน พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ต้องเป็น “ผู้เห็นแสงในตัวลูก” ก่อนใคร

 

การ “เรียนไม่เก่ง” กระทบอนาคตแค่ไหน?

ในยุคที่โลกเปลี่ยนเร็ว การเรียนในห้องเรียนเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของความรู้ที่จำเป็นในชีวิตจริง

  • ธุรกิจส่วนใหญ่ต้องการ Soft Skills เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา ความร่วมมือ ไม่ใช่แค่เกรดใน Transcript
  • เด็กที่ไม่ถนัดวิชาการ แต่อยู่ในระบบที่เข้าใจเขา กลับมีแนวโน้มเติบโตอย่างมีความสุขและมั่นคงในอาชีพ เช่น กราฟิกดีไซน์เนอร์ ช่างภาพ ครูศิลปะ เชฟ โปรแกรมเมอร์ ฯลฯ

พ่อแม่คือ “ผู้ปูทาง” ไม่ใช่ “คนบังคับทิศทาง”

ถ้าลูกเลือกเดินทางไม่เหมือนใคร อย่าเพิ่งตัดสินว่าเขาจะ “ไปไม่รอด” พ่อแม่ควรเป็นผู้สนับสนุนอย่างรู้จังหวะ ฟังอย่างตั้งใจ และไว้ใจว่าเขาจะเติบโตได้ในจังหวะของตัวเอง

 

 

เลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในแบบของตัวเอง ก่อนที่สังคมจะทำให้เขาหวั่นไหว

โลกภายนอกอาจมีมาตรวัดมากมาย แต่พ่อแม่คือคนเดียวที่มีพลังพิเศษในการสร้าง “พื้นฐานทางใจ” ให้ลูก

พื้นฐานที่บอกว่า…

“หนูมีค่า แม้หนูจะไม่ได้เก่งที่สุด”
“หนูมีคุณค่า แม้เกรดจะไม่ดีเท่าใคร”
“แม่รักหนู ในแบบที่หนูเป็น ไม่ใช่ในแบบที่คนอื่นอยากให้เป็น”

และนี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด ในการ เลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในแบบของตัวเอง

ที่มา: 

  • Gardner, H. (1983). Frames of Mind: The Theory of Multiple Intelligences
  • Dweck, C. (2006). Mindset: The New Psychology of Success
  • Covington, M. V. (1992). Making the Grade: A Self-Worth Perspective on Motivation and School Reform

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ลูกเรียนไม่เก่ง แล้วไง? พ่อแม่ช่วยได้! พลิกวิกฤตสู่ความสำเร็จที่แตกต่าง

10 วิธีสอนให้ลูกภูมิใจ เมื่อต้องช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน ไม่บังคับใจ แต่ใช้ความรักปลูกฝัง

เลี้ยงลูกยังไงไม่ให้เป็นซึมเศร้า 10 เคล็ดลับสร้างภูมิคุ้มกันทางใจให้ลูก

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

สิริลักษณ์ อุทยารัตน์

  • หน้าแรก
  • /
  • ชีวิตครอบครัว
  • /
  • เลี้ยงลูกให้เห็นคุณค่าในแบบของตัวเอง ไม่ต้องเรียนเก่งก็ประสบความสำเร็จได้!
แชร์ :
  • ลูกทำอะไรช้าไปหมด: เข้าใจ “ความช้า” ของเด็กเล็ก และวิธีเลี้ยงลูกให้เติบโตตามจังหวะตัวเอง

    ลูกทำอะไรช้าไปหมด: เข้าใจ “ความช้า” ของเด็กเล็ก และวิธีเลี้ยงลูกให้เติบโตตามจังหวะตัวเอง

  • 9 วิธีรับมือความเครียด ของ แม่ที่ต้องกลับไปทำงานหลังคลอด

    9 วิธีรับมือความเครียด ของ แม่ที่ต้องกลับไปทำงานหลังคลอด

  • ลูกไม่ได้ดื้อ เขาแค่ไม่เข้าใจเรา: วิธีสื่อสารกับลูกแบบไม่ต้องขู่

    ลูกไม่ได้ดื้อ เขาแค่ไม่เข้าใจเรา: วิธีสื่อสารกับลูกแบบไม่ต้องขู่

  • ลูกทำอะไรช้าไปหมด: เข้าใจ “ความช้า” ของเด็กเล็ก และวิธีเลี้ยงลูกให้เติบโตตามจังหวะตัวเอง

    ลูกทำอะไรช้าไปหมด: เข้าใจ “ความช้า” ของเด็กเล็ก และวิธีเลี้ยงลูกให้เติบโตตามจังหวะตัวเอง

  • 9 วิธีรับมือความเครียด ของ แม่ที่ต้องกลับไปทำงานหลังคลอด

    9 วิธีรับมือความเครียด ของ แม่ที่ต้องกลับไปทำงานหลังคลอด

  • ลูกไม่ได้ดื้อ เขาแค่ไม่เข้าใจเรา: วิธีสื่อสารกับลูกแบบไม่ต้องขู่

    ลูกไม่ได้ดื้อ เขาแค่ไม่เข้าใจเรา: วิธีสื่อสารกับลูกแบบไม่ต้องขู่

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว