การผ่าคลอดเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่คุณแม่อาจต้องใช้เวลานานถึง 6 สัปดาห์ในการฟื้นตัว บทความนี้จะพูดถึง 5 ข้อควรระวังหลังผ่าคลอด ที่คุณแม่ควรรู้ เพื่อให้สามารถกลับมาแข็งแรงและดูแลลูกน้อยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยค่ะ
นานแค่ไหน แม่ถึงจะฟื้นตัวหลังผ่าคลอด
แม้การฟื้นตัวจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสุขภาพโดยรวม ภาวะแทรกซ้อน และการดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ แต่โดยทั่วไปแล้ว คุณแม่จะใช้เวลาในการฟื้นตัว ดังนี้
ระยะ 24-48 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
- ลุกเดิน: แพทย์และพยาบาลจะกระตุ้นให้คุณแม่เริ่มลุกเดินภายใน 24 ชั่วโมงหลังผ่าคลอด เพื่อลดความเสี่ยงลิ่มเลือดและช่วยการทำงานของลำไส้
- อาหาร: เริ่มจิบน้ำและรับประทานอาหารอ่อน ๆ ได้
สัปดาห์แรกหลังคลอด
- การเคลื่อนไหว: ควรเดินเบา ๆ และเพิ่มระยะทางขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละวัน หลีกเลี่ยงการขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ
- แผล: แผลผ่าคลอดจะเริ่มสมาน แต่ยังคงมีอาการปวดได้ ควรทานยาแก้ปวดตามแพทย์สั่ง
- กิจกรรม: งดการยกของหนัก การขับรถ และการทำงานบ้านที่ต้องใช้แรง
สัปดาห์ที่ 2-6
- อาการปวด: อาการปวดจะค่อย ๆ ดีขึ้น และสามารถลดการใช้ยาแก้ปวดได้
- การเคลื่อนไหว: สามารถเพิ่มกิจกรรมเบา ๆ ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น เช่น เดินในบ้านหรือรอบๆ บริเวณบ้านสั้นๆ ทำงานบ้านเบาๆ เตรียมอาหารง่ายๆ หรือการพับเสื้อผ้าเบาๆ แต่ยังคงต้องระมัดระวังเรื่องการยกของหนักและการบิดตัว
- แผล: แผลจะค่อย ๆ แห้งและเรียบขึ้น อาจมีอาการคันบ้างเล็กน้อย
- การมีเพศสัมพันธ์: ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หลังผ่าคลอดจนกว่าจะครบ 6 สัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์
หลัง 6 สัปดาห์เป็นต้นไป
- การตรวจหลังคลอด: คุณแม่ควรไปพบแพทย์เพื่อประเมินว่าแผลหายดีหรือยัง
- กิจกรรม: หากแพทย์อนุญาต คุณแม่สามารถกลับไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ รวมถึงการออกกำลังกาย แต่ควรเริ่มจากเบา ๆ และค่อย ๆ เพิ่มความหนัก

5 ข้อควรระวังหลังผ่าคลอด พฤติกรรมที่ทำให้คุณแม่ฟื้นตัวช้า
1. เคลื่อนไหวผิดวิธี
หลังผ่าคลอด ร่างกายคุณแม่จะยังอ่อนแอมาก โดยเฉพาะแผลผ่าคลอด การเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกต้องเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้ฟื้นตัวช้าและอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย ข้อควรระวังหลังผ่าคลอด ข้อนี้คุณแม่จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
- ลุกเดินเร็วเกินไปหรือรีบร้อน: การพยายามลุกเดินพรวดพราด หรือเดินเร็วเกินไปทันทีหลังคลอด จะเพิ่มแรงกดที่แผล ทำให้เจ็บปวดมากขึ้นและขัดขวางการสมานของแผลที่กำลังเริ่มต้น ควรเริ่มจากการลุกนั่งช้าๆ และค่อยๆ ลุกยืนเดินโดยมีคนช่วยพยุง
- บิดตัวหรือเคลื่อนไหวรุนแรง: การเอี้ยวตัว บิดตัว หรือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและรุนแรง อาจทำให้แผลผ่าตัดเกิดการฉีกขาด เลือดออก หรือปวดรุนแรงกว่าเดิม ควรหมุนทั้งตัวเมื่อต้องการหันไปมองสิ่งต่างๆ
- ไอ จาม หรือหัวเราะโดยไม่พยุงแผล: การไม่ใช้หมอนหรือมือกดพยุงบริเวณแผลขณะไอ จาม หรือหัวเราะ จะทำให้เกิดแรงดันภายในช่องท้อง ส่งผลให้แผลตึงรั้งและอาจเจ็บปวดมาก หรือมีผลต่อการสมานของแผลได้
2. ยกของหนัก
หลังผ่าคลอด การยกของหนักเป็นสิ่งต้องห้ามเด็ดขาดในช่วงแรก การฝืนยกของหนักจะเพิ่มแรงกดและแรงดึงที่แผลผ่าตัด ซึ่งอาจทำให้แผลหายช้า ปริแตก เลือดออก หรือเกิดอาการปวดรุนแรง ส่งผลให้ฟื้นตัวช้าและทรมาน
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก: คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการยกของที่มีน้ำหนักเกินน้ำหนักตัวของลูกน้อย โดยเฉพาะในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังคลอด
- ขอความช่วยเหลือเสมอ: หากจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายสิ่งของ ควรขอความช่วยเหลือจากคนในครอบครัวหรือเพื่อนให้ช่วยยกแทน

3. กินอาหารรสจัดและหมักดอง
โภชนาการที่ดีเป็นหัวใจสำคัญในการบำรุงร่างกายและฟื้นฟูภายในของคุณแม่หลังผ่าคลอด การเลือกรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดอาการไม่สบายท้อง ท้องอืด ท้องผูก ขัดขวางการฟื้นตัว
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและของหมักดอง: อาหารเหล่านี้อาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร หรือระคายเคืองต่อลำไส้ ทำให้รู้สึกไม่สบายท้อง
- เน้นอาหารย่อยง่ายและมีกากใยสูง: เลือกทานอาหารที่ย่อยง่ายและมีกากใยมาก ๆ เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสี เพื่อช่วยป้องกันอาการท้องผูกซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยหลังคลอด
- เน้นโปรตีนและวิตามินซี: โปรตีนจำเป็นต่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานไป ส่วนวิตามินซีมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้แผลผ่าตัดสมานตัวได้เร็วขึ้น
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ: การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำและยังช่วยลดอาการท้องผูกได้ด้วย
4. ดูแลแผลผ่าตัดผิดวิธี
การดูแลแผลผ่าตัดอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น การละเลยหรือดูแลผิดวิธี อาจทำให้แผลอักเสบ ติดเชื้อ และหายช้า
- อาบน้ำได้ แต่ต้องงดแช่น้ำ: โดยทั่วไปคุณหมอจะปิดแผลผ่าคลอดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ คุณแม่สามารถ อาบน้ำฝักบัวได้ตามปกติ โดยไม่ต้องกังวลว่าแผลจะเปียก แต่ควรงดการแช่น้ำในอ่างอาบน้ำ หรือการว่ายน้ำ จนกว่าแพทย์จะอนุญาต
- มองข้ามอาการผิดปกติของแผล: การไม่หมั่นสังเกตหรือละเลยอาการผิดปกติที่แผลผ่าตัด จะทำให้การติดเชื้อลุกลามและรุนแรงขึ้นได้ หากพบว่ามีอาการ ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณแผลผ่าคลอดมีหนองไหลซึมออกมา หรือมีไข้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะนี่คือสัญญาณอันตรายของแผลผ่าคลอดติดเชื้อ
- ขัดถูแผลแรงเกินไป: หลังอาบน้ำ ไม่ควรใช้ผ้าขนหนูขัดถูหรือเช็ดแผลอย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง เกิดการเสียดสี หรือกระทบกระเทือนต่อแผลที่กำลังสมานตัว ควรใช้ผ้าสะอาดซับบริเวณแผลเบา ๆ ให้แห้งแทน

5. พักผ่อนไม่เพียงพอ
ข้อควรระวังหลังผ่าคลอด ข้อสุดท้าย การพักผ่อนไม่เพียงพอจะส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย ขาดพลังงาน และทำให้กระบวนการซ่อมแซมตัวเองของร่างกายช้าลงอย่างมาก
- อดนอน พยายามรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวเอง: แม้จะต้องตื่นมาให้นมลูกบ่อยครั้ง คุณแม่ก็ควรพยายามนอนหลับพักผ่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทุกโอกาสที่ทำได้ การอดนอนสะสมจะทำให้ร่างกายอ่อนล้าและฟื้นตัวได้ช้า
- ไม่กล้าขอความช่วยเหลือ: หากรู้สึกเหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลียมาก ๆ การไม่ขอความช่วยเหลือจากคนในครอบครัวหรือเพื่อนฝูงในการดูแลลูกน้อย จะทำให้คุณแม่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพกายและใจ
- ฝืนทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากเกินไป: ในช่วงฟื้นตัวนี้ การฝืนทำกิจกรรมหรืองานบ้านที่ต้องใช้แรงกายมากเกินไป เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน ยกของ ทำให้ร่างกายทำงานหนักเกินกำลังที่ควรจะเป็น ส่งผลให้ร่างกายฟื้นฟูได้ช้าลง และอาจทำให้แผลกลับมามีอาการปวดได้อีก
เพื่อให้การฟื้นตัวของคุณแม่หลังผ่าคลอดเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น พร้อมกลับมาดูแลลูกน้อยได้อย่างเต็มที่และแข็งแรง อย่าละเลย 5 ข้อควรระวังหลังผ่าคลอด ที่เราได้กล่าวมาข้างต้นเด็ดขาดนะคะ
ที่มา:
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ACOG เผย 13 คำแนะนำ การดูแลคุณแม่หลังผ่าคลอดแบบใหม่ ให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ผ่าคลอด น้ำหนักลงยากจริงไหม? เคล็ดลับง่ายๆ ให้คุณแม่กลับมาหุ่นเป๊ะ!
ผ่าคลอด กินน้ำเย็นได้ไหม เครื่องดื่มแบบไหนเหมาะสำหรับแม่ผ่าคลอด!
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!