เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศจีน โดยคุณแม่ท่านหนึ่งโพสในโซเชียลมีเดีย เล่าว่า เธอเป็นแม่ที่ดูแลลูกอย่างพิถีพิถันตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างการเลือกแชมพู ไปจนถึงเมนูอาหารในแต่ละมื้อ เช้าวันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังหวีผมให้ลูกสาวอย่างที่ทำประจำ แล้วจู่ๆ ลูกก็ร้องว่า “เจ็บ!” แรกๆ แม่คิดว่าแค่หวีดึงผมแรงไป แต่พอสำรวจดีๆ กลับเจอ รูประหลาดบนหัวลูก และยังมีสิ่งเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดข้าวติดอยู่ในนั้น
เมื่อมองใกล้ๆ ถึงกับช็อก เพราะสิ่งนั้นคือ “แมลง” ที่ฝังอยู่ในหนังศีรษะ! แม่จึงรีบพาลูกไปโรงพยาบาลทันที ซึ่งคุณหมอบอกว่า “โชคดีมากที่รีบพามา” เพราะหากปล่อยไว้อาจทำให้ รูประหลาดบนหัวลูก เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงได้ เช่น บวมแดง อักเสบ หรือร้ายแรงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือด
สุดท้ายแมลงถูกเอาออกได้ทันเวลา ลูกสาวปลอดภัย แม่เองก็โล่งใจไปตามๆ กัน
สุขภาพของลูก ไม่ใช่แค่เรื่องโภชนาการหรือนอนหลับเพียงพอ!
เหตุการณ์นี้ทำให้แม่ๆ หลายคนตระหนักว่า “สุขภาพของลูก” ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับอาหารดีหรือนอนเพียงพอเท่านั้น แต่อาจมีภัยจากสิ่งแวดล้อม เช่น แมลงตัวเล็กๆ ที่เราไม่ทันสังเกต แอบซ่อนตัวอยู่ตามที่นอน เส้นผม หรือเสื้อผ้า แล้วฝังตัวในร่างกายลูกได้อย่างน่ากลัว ดังเช่น รูประหลาดบนหัวลูก ในเหตุการณ์นี้
ทำไมเด็กเล็กถึงเสี่ยงต่อการถูกแมลงกัดหรือฝังตัว?
- เด็กๆ ชอบเล่นซน วิ่งเล่นกลางแจ้ง คลุกดิน คลานพื้น ซึ่งเป็นแหล่งชั้นดีของเห็บ หมัด หรือแมลงเล็กๆ
- ผิวเด็กบอบบาง แค่ถูกแมลงกัดเล็กน้อยก็อาจติดเชื้อได้ง่าย
- ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กยังพัฒนาไม่เต็มที่ จึงแสดงอาการได้รุนแรงกว่าผู้ใหญ่
- พ่อแม่บางคนอาจไม่ทันสังเกตรายละเอียดเล็กๆ เช่น ลูกอาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าตามเวลาไหม? ที่นอนสะอาดหรือไม่?
วิธีป้องกันไม่ให้ลูกโดนแมลงกัดหรือฝังตัว
1. ดูแลสุขอนามัยพื้นฐาน
- สอนลูกให้ล้างมือด้วยสบู่หลังจากเล่น ก่อนรับประทานอาหาร และหลังจากใช้ห้องน้ำ โดยเฉพาะหลังจากสัมผัสกับสิ่งสกปรกหรือสัตว์ตัวเล็ก
- สระผมเป็นประจำทุกวันหรือวันเว้นวันในช่วงอากาศร้อน และเช็ดหรือเป่าผมให้แห้งเพื่อหลีกเลี่ยงแบคทีเรียและแมลง
- เปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีเมื่อเปียกหรือเหงื่อออก ไม่ควรปล่อยให้ใส่เสื้อผ้าเปียกนานๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการถูกแมลงกัดต่อย เพราะความชื้นเป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้แมลงซ่อนตัวและรอจังหวะที่จะทำร้ายลูก
2. ระวังเมื่อออกไปนอกบ้าน
- ใส่เสื้อแขนยาว-กางเกงขายาว ถ้าต้องเล่นในสวนหรือสนามหญ้า โดยเฉพาะเมื่อเล่นในบริเวณที่มีแมลงจำนวนมาก
- ใช้สเปรย์กันแมลงสูตรธรรมชาติสำหรับเด็ก แต่ควรทดสอบกับผิวหนังก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงอาการแพ้
- หลีกเลี่ยงออกนอกบ้านช่วงพลบค่ำหรือเช้าตรู่ ซึ่งเป็นเวลาที่มียุงและแมลงเยอะ

3. รักษาบ้านให้สะอาดและเป็นระเบียบ
- เปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
- เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท หรือใช้เครื่องลดความชื้น เพื่อให้พื้นที่อยู่อาศัยแห้ง
- ถ้ามีสัตว์เลี้ยง ควรอาบน้ำให้สะอาดและถ่ายพยาธิเป็นประจำ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่แมลงสู่เด็ก
แม้ว่าจากเหตุการณ์นี้จะไม่ได้ระบุว่า เกิดจากแมลงชนิดใด แต่สำหรับในประเทศไทยมีแมลงยอดฮิต ที่คุณแม่ควรระวังให้ดี ได้แก่
แมลงยอดฮิตที่ต้องระวัง อย่าให้กัดลูก
1. ยุง (โดยเฉพาะยุงลาย)
พบได้ทั่วไปทั้งในเมืองและชนบท มักออกหากินตอนเช้าตรู่และช่วงเย็น
- อันตราย: เป็นพาหะของ ไข้เลือดออก, ไข้ซิกา, ไข้ชิคุนกุนยา และโรคไวรัสอันตรายอื่น ๆ เด็กเล็กเสี่ยงมากเพราะภูมิต้านทานยังต่ำ
- คำแนะนำ: ให้ลูกใส่เสื้อผ้ามิดชิด, ทายากันยุงสูตรเด็ก, กำจัดแหล่งน้ำนิ่งในบ้าน, และนอนในมุ้งทุกคืน
2. มดคันไฟ
มักอาศัยอยู่ในสนามหญ้า กองไม้ กองดิน หรือซอกมุมพื้นในบ้านที่ชื้น
- อันตราย: ต่อยแล้วปวดแสบ เกิดตุ่มน้ำใสหรือแผลพุพอง เด็กบางคนอาจแพ้รุนแรงจนบวมทั้งแขนหรือขา
- คำแนะนำ: หมั่นดูแลพื้นสนามหรือจุดอับในบ้าน อย่าให้ลูกเล่นใกล้รังมด และใส่รองเท้าหรือถุงเท้าเวลาเดินนอกบ้าน

3. แมลงก้นกระดก
ลักษณะคล้ายมดแต่หางชี้โด่ง ปีกใสเล็ก พบได้มากในฤดูฝนตามบ้านเรือนที่มีไฟสว่าง
- อันตราย: แมลงก้นกระดก ไม่ได้กัดหรือต่อย แต่ถ้าไปโดนตัวแล้วเผลอบี้ สารพิษที่อยู่ในลำตัวจะไหลออกมา ทำให้เกิดอาการคล้ายแผลน้ำร้อนลวก บางรายเป็นแผลพุพองรุนแรง ต้องใช้ยารักษาเป็นสัปดาห์
- คำแนะนำ: ควรปิดไฟในห้องนอนให้มืด และหากพบแมลงบินมาเกาะตัว อย่าตบหรือบี้ ให้ปัดออกเบาๆ แล้วล้างบริเวณที่สัมผัสทันที
4. แมงป่อง
มักซ่อนตัวในรองเท้า ใต้กระถางต้นไม้ หรือใต้กองผ้าในที่อับชื้น
- อันตราย: ต่อยแล้วปวดแสบปวดร้อน มีอาการบวมแดง ในเด็กเล็กอาจมีไข้ คลื่นไส้ หรือชักหากแพ้พิษรุนแรง
- คำแนะนำ: หมั่นตรวจรองเท้า เสื้อผ้า หรือผ้าห่มก่อนใช้งาน โดยเฉพาะถ้าตากไว้ข้างนอก
5. เห็บ
มักมากับสุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยง พบได้ตามพรม โซฟา หรือที่นอนสัตว์
- อันตราย: ดูดเลือดและอาจเป็นพาหะของโรค เช่น โรคติดเชื้อในกระแสเลือด หรือไข้เห็บในเด็ก
- คำแนะนำ: ควรอาบน้ำและดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ ทำความสะอาดที่นอนและเฟอร์นิเจอร์ทุกสัปดาห์

6. หมัด
พบได้ในพรม โซฟา หรือสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะในบ้านที่อากาศร้อนชื้น
- อันตราย: กัดแล้วคันมาก แพ้ง่าย ตุ่มลามเร็ว โดยเฉพาะบริเวณข้อเท้าและขา อาจนำพาพยาธิหรือแบคทีเรียสู่เด็กได้
- คำแนะนำ: ทำความสะอาดบ้านบ่อย ๆ โดยเฉพาะผ้าม่าน พรม ผ้าห่ม รวมถึงกำจัดหมัดในสัตว์เลี้ยง
7. ผึ้งและต่อ
พบบ่อยในสวน ต้นไม้ หรือดอกไม้ใกล้บ้าน โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อน
- อันตราย: ต่อยแล้วปวด บวมแดง เด็กบางคนแพ้พิษรุนแรงถึงขั้นหน้าบวม หายใจติดขัด หรือช็อกได้
- คำแนะนำ: สอนลูกให้รู้จักระวังแมลงมีพิษ หลีกเลี่ยงเล่นใกล้ดอกไม้หรือกิ่งไม้รกร้าง และควรสวมเสื้อแขนยาวเมื่อนอกบ้าน
8. ริ้นน้ำจืด
แมลงตัวเล็กคล้ายยุง พบในแหล่งน้ำจืดนิ่ง เช่น คู คลอง หนองน้ำ
- อันตราย: กัดแล้วคันมาก บวมแดง บางคนผื่นลามและกลายเป็นตุ่มน้ำ หรือผิวหนังอักเสบ
- คำแนะนำ: หลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำขัง สวมเสื้อผ้ามิดชิด และใช้โลชั่นกันแมลงสูตรอ่อนโยนสำหรับเด็กก่อนออกนอกบ้าน
9. ตะขาบ
เจอได้บ่อยในบ้านเรือนที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ หรือบริเวณรอบบ้านที่มีใบไม้กองทับกัน
-
อันตราย: กัดแล้วปวดแสบมาก มีอาการบวมแดง และอาจมีไข้ หากกัดเด็กเล็ก อาการอาจรุนแรงถึงขั้นต้องฉีดยาแก้พิษหรือแอดมิท
-
คำแนะนำ: อย่าปล่อยให้มีน้ำขัง หรือใบไม้ทับถมรอบบ้าน และควรทำความสะอาดห้องน้ำเป็นประจำ หลีกเลี่ยงให้ลูกเดินเท้าเปล่าในพื้นที่เสี่ยง
บางครั้งสิ่งที่ดูเหมือนเล็กน้อย เช่น “แมลงตัวจิ๋ว” อาจเป็นภัยร้ายแรงที่ซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวันของลูก โดยที่เราไม่รู้ตัว การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ เช่น หวีผมลูกทุกวัน สังเกตผิวหนัง เปลี่ยนผ้าปูที่นอน หรือให้ลูกล้างมือบ่อยๆ ก็สามารถช่วยป้องกันอันตรายใหญ่ได้ค่ะ
ที่มา: Sanook
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ปล่อยลูกเล่นดิน เล่นทราย ระวัง! พยาธิไชมือลูก เห็นแล้วน่ากลัวมาก
อุทาหรณ์! ก้างปลาติดคอ กลืนข้าว-น้ำส้มสายชู วันรุ่งขึ้นเสียชีวิต
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!