สุขภาพของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ ถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุด เนื่องจากสามารถส่งผลกระทบต่อลูกน้อยได้ โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์คืออะไร ตรวจเบาหวานตอนท้องกี่สัปดาห์ ปัจจัยเสี่ยงมีอะไรบ้าง แล้วต้องรักษายังไง มาทำความรู้จักกับ โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ กันค่ะ

โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ คืออะไร
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes) คือ ภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ได้เพียงพอ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกระยะของการตั้งครรภ์ โดยทั่วไปแล้ว จะกลับสู่ภาวะปกติหลังคลอด แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจจะพัฒนาไปเป็นโรคเบาหวานในอนาคตได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นคุณแม่ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเบาหวาน ควรระมัดระวัง ดูแลสุขภาพ ตรวจคัดกรองเบาหวานตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
ตรวจเบาหวานตอนท้องกี่สัปดาห์
โดยทั่วไปแล้ว การตรวจคัดกรองโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes) จะทำในช่วงอายุครรภ์ 24-28 สัปดาห์ แต่ถ้าหากมีความเสี่ยง ต่อการพัฒนาเป็น โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ แพทย์อาจตรวจคัดกรองโรคเบาหวานตั้งแต่เนิ่น ๆ หรือตั้งแต่ครั้งแรกที่มาฝากครรภ์
ปัจจัยเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
1. อายุ 30 ปีขึ้นไป
2. น้ำหนักเกิน หรือเป็นโรคอ้วนก่อนตั้งครรภ์
3. มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน
4. เคยเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ในการตั้งครรภ์ครั้งก่อนหน้า
5. เป็นโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ Polycystic Ovary Syndrome

อาการของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ มักไม่มีอาการใด ๆ ที่แสดงออกชัดเจน แต่สามารถสังเกตอาการบางอย่างได้ คล้ายกับภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เช่น
1. ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
2. กระหายน้ำมากกว่าปกติ
3. เหนื่อยง่าย ร่างกายอ่อนเพลีย
4. น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ
การรักษาโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
การรักษาเบาหวานขณะตั้งครรภ์ มีเป้าหมายเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งสามารถทำได้โดย
1. การควบคุมอาหาร
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เน้นผัก ผลไม้ และธัญพืช ควรเลือกโปรตีนจากไข่ หรือเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ คาร์โบไฮเดรตควรเลือกข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวโอ๊ต วุ้นเส้น หรือขนมปังโฮลวีต ซึ่งการดูดซึมระดับน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดช้า ช่วยให้อิ่มได้นาน ไม่หิวบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมัน อาหารแปรรูป อาหารที่มีน้ำตาลสูง และอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง
2. การอออกกำลังกาย
ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาที ต่อวัน นอกจากนั้น การออกกำลังกายจะช่วยลดความเครียด เพิ่มความแข็งแรงของกระดูก หัวใจ กล้ามเนื้อ ทำให้ข้อต่อต่าง ๆ เคลื่อนไหวได้สะดวก และยังช่วยลดความเสี่ยง ต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต
3. การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองที่บ้าน เพื่อติดตามระดับน้ำตาล และปรับแผนการรักษา ตามคำแนะนำของแพทย์

ผลกระทบของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ สามารถส่งผลกระทบได้ทั้งกับคุณแม่ และลูกน้อยในครรภ์ จึงเป็นโรคที่คุณแม่ทุกคน ควรระมัดระวัง ดูแลสุขภาพไม่ให้เกิดภาวะเสี่ยงการเป็นเบาหวาน
ผลกระทบต่อคุณแม่ตั้งครรภ์
1. มีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษได้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีความดันโลหิตสูง ร่วมกับมีโปรตีนรั่วในปัสสาวะมากกว่าปกติ
2. เพิ่มแนวโน้มที่จะต้องผ่าคลอดมากขึ้น เนื่องจากทารกอาจตัวใหญ่เกินกว่าจะคลอดธรรมชาติ
3. มีโอกาสพัฒนาเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ในอนาคต
4. ส่งผลเสียต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ เช่น เบาหวานขึ้นตา ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต การทำลายของเส้นประสาท
ผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์
1. เพิ่มความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนด
2. น้ำหนักทารกแรกคลอดมากกว่าปกติ
3. ทารกอาจมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหลังคลอด
4. ทารกอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบการหายใจ
5. ทารกอาจเสียชีวิตในครรภ์ได้
6. ทารกที่คลอดจากคุณแม่ ที่เป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จะมีโอกาสเป็นโรคอ้วน และอาจเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคตได้
การตรวจคัดกรองเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณแม่ และลูกน้อยในครรภ์ได้ หากไม่ได้รับการตรวจและรักษาอย่างเหมาะสม ดังนั้นคุณแม่สามารถพูดคุยกับแพทย์ที่ดูแลฝากครรภ์ เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม เกี่ยวกับการตรวจเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้
ที่มา: โรงพยาบาลนนทเวช , โรงพยาบาลนครธน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
อาหารลดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ วิธีควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดคนท้อง ต้องทำไง
ตรวจเบาหวานคนท้อง น้ำตาลห้ามเกินเท่าไหร่?
เบาหวานประเภท 2 สัญญาณเริ่มต้นของโรคเบาหวานประเภท 2 คืออะไร?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!