คุณแม่คงเคยได้ยินความเชื่อที่ว่า เราสามารถ ทายเพศลูกจากการเต้นของหัวใจ ได้ใช่ไหมคะ? เช่น ถ้าหัวใจเต้นเร็วจะได้ลูกสาว ถ้าเต้นช้าจะได้ลูกชาย มาดูกันว่าความเชื่อนี้มีที่มาอย่างไร และวิทยาศาสตร์ว่ายังไงบ้างค่ะ
ทายเพศลูกจากการเต้นของหัวใจ ความเชื่อนี้มาจากไหน?
ความเชื่อเรื่อง ทายเพศลูกจากการเต้นของหัวใจ ส่วนใหญ่มาจากคำบอกเล่าปากต่อปาก หรือความเชื่อพื้นบ้านที่สืบทอดกันมา บางทีก็มาจากการที่คนบางกลุ่มอาจสังเกตเห็นว่าลูกสาวของเพื่อนคนหนึ่งหัวใจเต้นเร็ว ส่วนลูกชายของอีกคนหัวใจเต้นช้า เลยเอามาผูกโยงกันโดยบังเอิญ แต่จริง ๆ แล้วการสังเกตแบบนี้อาจไม่ได้เป็นไปตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เสมอไปค่ะ
วิทยาศาสตร์บอกว่าอย่างไร?
นักวิทยาศาสตร์และคุณหมอเองก็อยากรู้เรื่องนี้เหมือนกันค่ะ จึงมีการศึกษาและวิจัย มากมายเพื่อหาคำตอบว่า ทายเพศลูกจากการเต้นของหัวใจ ได้จริงหรือไม่
- งานวิจัยส่วนใหญ่ ไม่พบความแตกต่างที่ชัดเจน ระหว่างอัตราการเต้นของหัวใจทารกเพศชายกับเพศหญิงเลยค่ะ หมายความว่าไม่ว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชาย อัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ ไม่ว่าลูกสาวหรือลูกชายก็อยู่ในช่วงปกติที่ไม่แตกต่างกันค่ะ
- บางงานวิจัยที่พบความแตกต่างเล็กน้อย แต่ก็ ไม่สามารถสรุปได้ ว่าความแตกต่างนั้นบ่งบอกถึงเพศลูกได้จริง ๆ ค่ะ เพราะการศึกษาเหล่านั้นอาจมีข้อจำกัด เช่น จำนวนคุณแม่ที่ร่วมวิจัยยังน้อยเกินไป วิธีการวัดอาจแตกต่างกันไป หรือมีปัจจัยอื่น ๆ มาเกี่ยวข้องที่อาจทำให้ผลคลาดเคลื่อนไปได้
ทำไมถึงไม่เกี่ยวกัน?
ในทางวิทยาศาสตร์และสรีรวิทยา การทำงานของร่างกายไม่มีกลไกใด ๆ ที่เชื่อมโยงอัตราการเต้นของหัวใจของทารกกับเพศโดยตรงเลยค่ะ
จริงๆ แล้ว อัตราการเต้นของหัวใจลูกใช้ในการประเมินว่าลูกสบายดีไหม หรือมีภาวะอะไรที่ต้องกังวลหรือเปล่าค่ะ
โดยช่วงจังหวะการเต้นของหัวใจลูกจะแตกต่างกันไปตามอายุครรภ์ ดังนี้
- ช่วงแรก ๆ ของการตั้งครรภ์ ประมาณ 6-10 สัปดาห์ หัวใจลูกจะเริ่มเต้น และอัตราการเต้นจะค่อย ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงนี้
- ช่วงกลางและปลายของการตั้งครรภ์ อัตราการเต้นของหัวใจลูกจะเริ่มคงที่อยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งปกติจะอยู่ที่ประมาณ 110-160 ครั้งต่อนาที

ทายเพศลูกแบบสนุก ๆ (แบบไม่ได้อิงวิทยาศาสตร์)
นอกเหนือจากความเชื่อเรื่องอัตราการเต้นของหัวใจแล้ว ยังมีวิธีทายเพศลูกแบบสนุก ๆ ที่คุณแม่หลายคนนิยมเล่นกัน ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ได้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ แต่ก็สร้างความตื่นเต้นและรอยยิ้มระหว่างรอคอยเจ้าตัวน้อยได้ดีทีเดียวค่ะ ลองมาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้าง
-
ทายเพศลูกจากอาการแพ้ท้อง
- แพ้ท้องหนักมาก คลื่นไส้ตลอดเวลา: หลายคนเชื่อว่าจะได้ ลูกสาว
- แพ้ท้องไม่มาก หรือแทบไม่แพ้เลย: มักจะทายว่าได้ ลูกชาย
-
ทายเพศลูกจากอาหารที่อยากกินตอนท้อง
- อยากกินของหวาน ๆ ผลไม้ ช็อกโกแลต: ทายว่าได้ ลูกสาว
- อยากกินของคาว เนื้อสัตว์ โปรตีน ของเค็ม ๆ: ทายว่าได้ ลูกชาย
-
- ท้องแหลมพุ่งไปข้างหน้า : มักจะเชื่อว่าเป็น ลูกชาย
- ท้องกลมบานออกด้านข้าง : ทายว่าได้ ลูกสาว
-
ทายเพศลูกด้วยแหวนแต่งงาน (หรือแหวนอะไรก็ได้)
- นำแหวนแต่งงานผูกกับเส้นผม หรือด้าย แล้วห้อยเหนือท้องของคุณแม่
- ถ้าแหวนแกว่งเป็นวงกลม: ทายว่าได้ ลูกชาย
- ถ้าแหวนแกว่งเป็นเส้นตรงไปมา: ทายว่าได้ ลูกสาว
-
ทายเพศลูกจากลักษณะผิวพรรณ
- ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง สดใสขึ้น: มักเชื่อว่าเป็น ลูกชาย (เพราะลูกชาย “ดึงความสวย” จากแม่ไปน้อยกว่า)
- ผิวพรรณดูหมองคล้ำ เป็นสิว หรือไม่สดใสเหมือนเดิม: ทายว่าได้ ลูกสาว (เพราะลูกสาว “ดึงความสวย” จากแม่ไป)
-
ทายเพศลูกจากสีปัสสาวะ
- สีปัสสาวะมีสีเหลืองอ่อน ๆ: ทายว่าได้ ลูกชาย
- สีปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม: ทายว่าได้ ลูกสาว
-
ทายเพศลูกจากปฏิทินจีนโบราณ
- มีตารางหรือปฏิทินจีนโบราณที่ใช้อายุคุณแม่และเดือนที่ปฏิสนธิมาคำนวณเพศลูก ซึ่งหลายคนก็นำมาเล่นสนุก ๆ กันค่ะ
อย่างไรก็ตาม วิธีเหล่านี้เป็นเพียงการเล่นสนุก ๆ เพื่อเพิ่มสีสันในการลุ้นเพศลูกเท่านั้นนะคะ ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ตรงตามความจริงเสมอไป หากคุณแม่อยากรู้เพศลูกแบบชัวร์ ๆ การปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการอัลตราซาวด์หรือตรวจ NIPT เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและแม่นยำที่สุดค่ะ

วิธีรู้เพศลูกที่แม่นยำที่สุด
คุณแม่คงอยากรู้เพศลูกแบบชัวร์ ๆ ใช่ไหมคะ? ถ้าอย่างนั้นมาดูวิธีที่ทางการแพทย์ใช้กัน ซึ่งแม่นยำกว่าการทายด้วยความเชื่อเยอะเลยค่ะ
-
อัลตราซาวด์ (Ultrasound Scan)
นี่คือวิธีที่คุ้นเคยกันดีที่สุดค่ะ คุณหมอจะอัลตราซาวด์หน้าท้องเพื่อดูรูปร่างและอวัยวะต่าง ๆ ของลูก รวมถึงอวัยวะเพศด้วย ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการดูเพศด้วยวิธีนี้คือ ประมาณสัปดาห์ที่ 18-22 ของการตั้งครรภ์ค่ะ
- ความแม่นยำ: ค่อนข้างแม่นยำ แต่บางทีถ้าท่านอนของลูกไม่เป็นใจ หรือมีอะไรบังอยู่ ก็อาจจะมองเห็นไม่ชัดได้บ้าง
-
ตรวจเลือดคุณแม่ (NIPT – Non-invasive Prenatal Testing)
วิธีนี้ง่ายมาก แค่เจาะเลือดคุณแม่เท่านั้น! ในเลือดของคุณแม่จะมี DNA ของลูกปนอยู่ด้วย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จะนำไปตรวจหาโครโมโซมที่บอกเพศได้
- ความแม่นยำ: สูงมากเกือบ 100%
- ช่วงเวลาในการตรวจ: สามารถทำได้ตั้งแต่ อายุครรภ์ประมาณ 10 สัปดาห์ ขึ้นไป
- ประโยชน์อื่น ๆ: นอกจากจะบอกเพศได้แล้ว การตรวจ NIPT ยังช่วยคัดกรองความเสี่ยงของความผิดปกติทางโครโมโซมของลูกได้อีกด้วย เช่น ดาวน์ซินโดรม
บทความที่เกี่ยวข้อง ข่าวดี! เพิ่มวงเงิน ตรวจ NIPT สิทธิบัตรทอง คัดกรองดาวน์ซินโดรม ไม่ต้องเจาะน้ำคร่ำ
-
เจาะน้ำคร่ำ หรือ ตรวจชิ้นเนื้อรก (Amniocentesis/CVS)
เป็นการเก็บตัวอย่างน้ำคร่ำ หรือ ชิ้นเนื้อรกไปตรวจโครโมโซมของลูกโดยตรง คุณหมอจะแนะนำวิธีนี้ก็ต่อเมื่อมีเหตุผลทางการแพทย์บางอย่างเท่านั้นค่ะ เช่น สงสัยว่าลูกอาจมีความผิดปกติทางพันธุกรรม
- ความแม่นยำ: แม่นยำที่สุด
- ข้อควรระวัง: วิธีนี้มีความเสี่ยงต่อการแท้งลูก จึงไม่ได้ทำกับคุณแม่ทุกคน
ดังนั้น โดยสรุปแล้ว ความเชื่อเรื่อง ทายเพศลูกจากการเต้นของหัวใจ นั้นยังไม่ได้รับการยืนยันจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือค่ะ ถ้าอยากรู้เพศลูกที่แม่นยำ ควรใช้วิธีการทางการแพทย์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วเท่านั้น
บททความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ลูกคนต่อไป เพศไหนดี? อยากได้ลูกชาย หรือลูกสาว เลือกเพศลูกด้วยวิธีธรรมชาติ
ไขข้อข้องใจคุณแม่ อัลตร้าซาวด์ดูเพศลูกได้ตอนไหน ท้องกี่เดือนถึงรู้เพศลูก
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์คืออะไร ตรวจเบาหวานตอนท้องกี่สัปดาห์
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!