เมื่อลูกน้อยเข้าสู่วัยที่อยากรู้อยากเห็นและมีพลังงานเหลือเฟือ การที่ ลูกชอบเล่นแรง กระโดดใส่บ้าง พุ่งเอาหัวโขก หรือแม้แต่ตีลังกาเท้าฟาด เป็นเรื่องปกติในพัฒนาการของเด็ก ใจหนึ่งแม่ก็รู้ดีว่า ลูกไม่ได้ตั้งใจ เขายังไม่รู้กำลังตัวเอง อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าลูกจะได้รับบาดเจ็บหรือทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ กลัวว่าลูกจะถูกมองว่าเป็นเด็กก้าวร้าวหรือเปล่า เหล่านี้คือความท้าทายที่พ่อแม่ต้องเผชิญ มาเรียนรู้วิธีรับมือ และจัดการพฤติกรรมลูกชอบเล่นแรงๆ ไปพร้อมกันค่ะ
เข้าใจพัฒนาการ ทำไม ลูกชอบเล่นแรง ?
ลูกชอบเล่นแรง เป็นพฤติกรรมที่พบได้บ่อยในช่วงวัยเด็ก ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อพฤติกรรมนี้ หนึ่งในนั้นคือ พัฒนาการตามวัย และ การแสดงออกทางอารมณ์ ซึ่งเราจะมาเจาะลึกกันในหัวข้อนี้ค่ะ
พัฒนาการตามวัย
เด็กวัยหัดเดินและวัยอนุบาลคือนักสำรวจตัวน้อยที่อยากรู้อยากเห็นทุกสิ่งรอบตัว เป็นวัยที่กำลังเรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายและโลกภายนอก ลูกน้อยใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้และค้นพบสิ่งใหม่ๆ การเล่นแรงๆ จึงเป็นวิธีหนึ่งที่เด็กใช้ในการสำรวจและทดลองกับสิ่งรอบตัว เช่น
- การสำรวจพลังงาน เด็กอยากรู้ว่าร่างกายของตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้าง เด็กจึงใช้แรงผลัก ดึง หรือโยนของเล่นเพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
- การทดลองกับวัตถุ เด็กชอบนำวัตถุต่างๆ มาชนกัน หรือขว้างปาเพื่อดูว่าวัตถุเหล่านั้นจะตอบสนองอย่างไร
- การเรียนรู้เกี่ยวกับสาเหตุและผล เมื่อเด็กทำอะไรแล้วเกิดผลตามมา เช่น โยนของเล่นแล้วของเล่นตกลงพื้น เด็กจะเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผลลัพธ์
การแสดงออกทางอารมณ์
เด็กยังไม่สามารถใช้ภาษาในการสื่อสารความรู้สึกได้อย่างชัดเจนเสมอไป การเล่นแรงๆ จึงเป็นวิธีหนึ่งที่เด็กใช้ในการแสดงออกทางอารมณ์ เช่น
- ความตื่นเต้น เมื่อเด็กรู้สึกตื่นเต้นกับของเล่นใหม่ๆ หรือกิจกรรมที่น่าสนใจ อาจแสดงออกโดยการวิ่งเล่น กระโดด หรือผลักดันเพื่อน
- ความโกรธ ถ้าเด็กรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิด อาจแสดงออกโดยการตี ต่อย หรือโยนของ
- ความเบื่อหน่าย เมื่อเด็กรู้สึกเบื่อหน่าย อาจหาเรื่องเล่นแรงๆ เพื่อสร้างความบันเทิงให้ตัวเอง
วิธีรับมือพฤติกรรม ลูกชอบเล่นแรง
แม้ว่าจะเป็นพัฒนาการตามวัย แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ควรสอนให้ลูกรู้จักระมัดระวังในเรื่องของความปลอดภัยของคนรอบข้างด้วย ดังนี้
-
สอนลูกให้รู้ว่า อะไรทำได้และทำไม่ได้
คุณพ่อคุณแม่ควรกำหนดขอบเขต บอกลูกอย่างชัดเจนว่าอะไรทำได้และอะไรทำไม่ได้ ใช้ภาษาที่เด็กเข้าใจ เช่น “วิ่งได้แต่อย่าชนคนอื่น” “เล่นเบาๆ นะลูก” หรือ “เล่นให้เบามือหน่อย”
อธิบายให้ลูกฟังว่าทำไมการเล่นแรงถึงไม่ดี เช่น “ถ้าเล่นแรงๆ เพื่อนจะเจ็บนะ/แม่จะเจ็บนะ” หรือ “ถ้าเล่นแรงของเล่นอาจจะพังได้นะ”
ใช้ตัวอย่างเล่าเรื่องราวที่เด็กเข้าใจง่าย เช่น “จำตอนที่หนูตีตุ๊กตาจนตุ๊กตาเสียใจได้ไหม”
หลีกเลี่ยงการใช้คำสั่งที่ยาวเกินไป เด็กเล็กอาจไม่เข้าใจคำสั่งที่ยาวและซับซ้อน
-
สอนให้รู้จักแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสม
สอนให้ลูกระบุความรู้สึกของตัวเองโดยใช้คำง่ายๆ ในการอธิบายความรู้สึก เช่น “หนูโกรธ” “หนูกลัว”เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกเข้าใจความรู้สึกต่างๆ
สอนวิธีระบายอารมณ์ที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางกาย เช่น การวิ่งเล่น การกระโดด หรือการเต้น กิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น การวาดรูป การปั้น หรือการเล่นดนตรี การพูดคุย สอนให้ลูกพูดคุยถึงความรู้สึกของตัวเองกับผู้ใหญ่ที่ไว้ใจ เป็นต้น
-
หากิจกรรมที่ช่วยปลดปล่อยพลังงาน
วิธีง่ายๆ ในการรับมือลูกพลังล้น คือการพาลูกไปปล่อยพลังค่ะ ชวนลูกไปเล่นกีฬา เลือกกีฬาที่เหมาะสมกับวัยและความสนใจของลูก เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล ว่ายน้ำ พาลูกไปเล่นนอกบ้าน เลือกสถานที่ที่ปลอดภัยและมีกิจกรรมให้เด็กได้ทำ เช่น สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น เพื่อให้ลูกได้วิ่งเล่นและออกกำลังกาย นอกจากนี้การทำกิจกรรมสร้างสรรค์ก็ช่วยให้ลูกได้ระบายความรู้สึกและพัฒนาจินตนาการ เช่น การวาดรูป การปั้น การประกอบเลโก้ เป็นต้น คุณพ่อคุณแม่ควรเข้าร่วมกิจกรรมกับลูกด้วย เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีและสร้างความสัมพันธ์อันดี และสอนให้ลูกเรียนรู้ที่จะแบ่งปันและร่วมเล่นกับเพื่อนๆ
พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีในการควบคุมอารมณ์ เมื่อเกิดปัญหา พ่อแม่ควรแสดงให้ลูกเห็นว่าการแก้ปัญหาด้วยความสงบและใจเย็นเป็นวิธีที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ควรสร้างบรรยากาศในบ้านที่อบอุ่นและปลอดภัย เปิดโอกาสให้ลูกได้พูดคุยและแสดงความรู้สึกได้
คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ พูดคุยกับลูกอย่างใจเย็น อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าการกระทำของเขาส่งผลกระทบต่อผู้อื่นอย่างไร และให้โอกาสลูกแก้ไข เช่น สอนให้ลูกขอโทษด้วยความจริงใจและพร้อมที่จะแก้ไข การช่วยกันทำความสะอาด ช่วยดูแลเมื่อทำให้ผู้อื่นเจ็บ
นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ยังช่วยให้ลูกเข้าใจผลกระทบของการกระทำ ได้โดยการใช้คำถามเปิด เช่น ถ้าลูกโดนตี ลูกจะรู้สึกอย่างไร
ให้คุณพ่อคุณแม่ชมเชยพฤติกรรมที่ดี เมื่อลูกเล่นเบาๆ หรือแบ่งปันของเล่น ให้ชมเชยลูกอย่างจริงใจ เช่น “ลูกเก่งมากที่เล่นเบาๆ”
ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่สนใจพฤติกรรมที่ไม่ดี หากลูกเล่นแรง ให้ทำเป็นไม่สนใจ แต่ถ้ามีอันตรายเกิดขึ้น ให้บอกลูกอย่างนุ่มนวลว่า “เล่นแบบนี้ไม่ดีนะ”
ควบคุมกำลังตัวเอง เรื่องสำคัญที่ต้องสอน
เมื่อเรารู้ดีว่า เด็กยังไม่รู้กำลังตัวเอง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องสอนให้ลูกควบคุมกำลังตัวเอง ระมัดระวังมากขึ้น เพราะการที่ลูกสามารถควบคุมตัวเองได้ จะส่งผลดีต่อทั้งตัวลูกเองและคนรอบข้าง ดังนี้ค่ะ
ผลดีต่อตัวลูกเอง
- พัฒนาการทางอารมณ์ การควบคุมพฤติกรรมช่วยให้ลูกเรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความหงุดหงิด หรือความผิดหวัง
- ทักษะการเข้าสังคม ลูกจะสามารถเข้ากับเพื่อนๆ ได้ดีขึ้น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง และได้รับความยอมรับจากสังคม
- ความมั่นใจในตัวเอง เมื่อลูกสามารถควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้ ลูกจะรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
- การเรียนรู้ การควบคุมพฤติกรรมจะช่วยให้ลูกสามารถตั้งใจเรียนและมีสมาธิในการเรียนได้ดีขึ้น
- การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การเรียนรู้ที่จะควบคุมพฤติกรรมในวัยเด็ก จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบและสามารถควบคุมตนเองได้
ผลดีต่อคนรอบข้าง
- ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น เมื่อลูกสามารถควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้ ความสัมพันธ์กับพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน และคนรอบข้างก็จะดีขึ้น
- บรรยากาศในครอบครัวที่อบอุ่น การที่ลูกไม่ก่อปัญหา ทำให้บรรยากาศในครอบครัวเป็นไปอย่างสงบสุขและอบอุ่น
- ลดความขัดแย้ง การควบคุมพฤติกรรมจะช่วยลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นกับคนรอบข้างได้
การรับมือพฤติกรรม ลูกชอบเล่นแรง ต้องใช้เวลา ค่อยๆ สอน และทำให้ดูเป็นแบบอย่าง ส่วนคุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องคอยดึงสติตัวเองหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง อย่าเผลอตี เผลอใช้อารมณ์กับลูกด้วยเช่นกัน หากคุณแม่พลาดดุลูกแรงๆ หรือตีลูกไปแล้ว ควรทำอย่างไร เรามีคำแนะนำมาฝากค่ะ
ทำยังไงดี? เมื่อแม่เผลอดุตีลูก
การที่พ่อแม่เผลอใจร้อนและลงโทษลูกด้วยความรุนแรง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่สิ่งสำคัญคือการรู้จักวิธีแก้ไขและเยียวยาความรู้สึกของลูก เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกลับคืนมา
เลือกเวลาที่ทั้งคุณและลูกอารมณ์ดี ขอโทษลูกอย่างจริงใจ บอกลูกว่าคุณเสียใจที่ตีลูก กอดลูกเบาๆ หรือลูบหัว เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรักและความห่วงใย แสดงความเข้าใจ บอกลูกว่าคุณเข้าใจความรู้สึกของเขา และให้สัญญากับลูกว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก
และสิ่งสำคัญที่ควรหลีกเลี่ยง คือ อย่าโทษลูกว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณโกรธ เพราะยิ่งจะทำให้ลูกรู้สึกผิดและเสียใจ
ลูกชอบเล่นแรง เป็นพัฒนาการตามวัย เมื่อผ่านวัยนี้ไปก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง อย่างไรก็ตาม ขอให้คุณพ่อคุณแม่อดทน ค่อยๆ บอก ค่อยๆ สอน ทำให้ดูว่า แบบนี้นะเรียกว่า “เบา” ลูกน้อยจะค่อยๆ ซึมซับ และเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังงานของตัวเองได้ในที่สุดค่ะ
ที่มา : ห้องนั่งเล่นพ่อแม่
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เจ้าหนูจำไม ถามเก่ง ถามไม่หยุด พ่อแม่ควรรับมือยังไงดี
YONO เทรนด์ใหม่! ปี 2025 ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความสุขให้ครอบครัว
ทำความเข้าใจ ลูกชอบสั่ง ลูกเอาแต่ใจ เกิดจากอะไร พ่อแม่ต้องแก้ยังไง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!