สำหรับคุณแม่มือใหม่ การเปลี่ยนแปลงของร่างกายขณะตั้งครรภ์อาจสร้างความสงสัยมากมายหลายประเด็น ซึ่งหนึ่งในคำถามที่อาจติดอยู่ในใจคุณแม่คือ “ลักษณะของท้อง” ว่า ตั้งครรภ์ ท้องนิ่มหรือแข็ง ? จะรู้ได้อย่างไรว่าท้องแบบไหนคือ “ตั้งท้อง” จับหรือกดท้องดูจะรู้มั้ย? เรามาหาคำตอบไปพร้อมกันเลยค่ะ

ตั้งครรภ์ ท้องนิ่มหรือแข็ง ?
ในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ ท้องของคุณแม่อาจยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนักค่ะ อาจจะยังคง “นิ่ม” เหมือนเดิม หรือรู้สึกตึงๆ เล็กน้อย แต่เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ท้องของคุณแม่จะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น จนรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนค่ะ
ในระยะแรกของการตั้งครรภ์ ท้องของคุณแม่จะยังคงนิ่มอยู่ เนื่องจากมดลูกยังไม่ขยายใหญ่มากนัก แต่เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 (เดือนที่ 4 – เดือนที่ 6) ท้องของคุณแม่จะเริ่มแข็งขึ้น และเมื่อมีอายุครรภ์ได้ 28 สัปดาห์ขึ้นไป หรือไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ (เดือนที่ 7-9) มดลูกจะเริ่มขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปกติแล้วจะมีลักษณะเป็นก้อนนิ่มๆ เมื่อคลำดูก็จะสัมผัสได้ถึงการมีทารกดิ้นอยู่ค่ะ
อย่างที่บอกว่า พออายุครรภ์มากขึ้น ท้องของคุณแม่จะแข็งขึ้น เนื่องมากจากมดลูกขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารก และกล้ามเนื้อหน้าท้องจะยืดขยายเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ บางครั้งคุณแม่อาจรู้สึกว่าท้องแข็ง หรือรู้สึกตึงหน้าท้อง ซึ่งเกิดจากการหดรัดตัวของมดลูกเป็นครั้งคราว

|
ขนาดท้องของ แม่ตั้งครรภ์ ในแต่ละเดือน
|
เดือนแรก |
- ไข่และอสุจิปฏิสนธิจนฝังตัวที่ผนังโพรงมดลูกแล้ว
- ขนาดหน้าท้องจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังไม่นูนออกมา
|
เดือนที่ 2 |
- มดลูกและตัวอ่อนในครรภ์ยังคงพัฒนาต่อไป
- ยังไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของหน้าท้อง
|
เดือนที่ 3 |
- มดลูกและตัวอ่อนมีการพัฒนาอวัยวะต่างๆ แต่อาจยังไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของหน้าท้อง
- คุณแม่ที่เคยตั้งครรภ์มาก่อน หรือตั้งครรภ์ลูกแฝด อาจเห็นหน้าท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย เพราะน้ำหนักทารกในครรภ์และกล้ามเนื้อช่องท้องอาจไม่แข็งแรงเหมือนท้องแรก
|
เริ่มไตรมาส 2 (เดือนที่ 4) |
- หน้าท้องเริ่มขยายขึ้นอย่างชัดเจน อาจสังเกตเห็นก้อนนูนขนาดเล็กที่บริเวณยอดหัวหน่าว
- คุณแม่ที่รูปร่างเล็ก ผอม จะสังเกตเห็นการขยายตัวของหน้าท้องได้ชัดเจนขึ้น
- ท้องคุณแม่จะเริ่มแข็งขึ้นในช่วงเดือนนี้
|
เดือนที่ 5 |
- หน้าท้องของคุณแม่ขยายออกอย่างชัดเจนเพราะการเจริญเติบโตของทารก
- ขนาดหน้าท้องจะนูนขึ้นสูงถึงประมาณบริเวณสะดือ จนสามารถสังเกตได้ว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่
|
เดือนที่ 6 |
- หน้าท้องของคุณแม่จะใหญ่ขึ้นมาก บางคนอาจยื่นออกมาและสะดือก็อาจยื่นออกมาด้วย
- คุณแม่บางคนอาจมีรอยแตกลายบริเวณหน้าท้องเกิดขึ้น
|
เริ่มไตรมาส 3 (เดือนที่ 7) |
- ทารกในท้องจึงมีขนาดตัวใหญ่ขึ้น มดลูกก็จะขยายตัวมากขึ้นเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารก ทำให้ขนาดหน้าท้องของคุณแม่ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย
- คุณแม่อาจเริ่มมีอาการปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อและเมื่อยล้ามากขึ้น
|
เดือนที่ 8 |
- ขนาดหน้าท้องทำให้คุณแม่เคลื่อนไหวลำบากขึ้น เช่น ลุกนั่งลำบาก เดินได้ช้าลง รวมถึงอาจรู้สึกอึดอัดมาก
- คุณแม่จะนอนหลับไม่ค่อยสบายเพราะการรับน้ำหนักของท้อง และอาจปวดหลังมากขึ้นด้วย
|
เดือนที่ 9 |
- ทารกในครรภ์เริ่มกลับหัวเปลี่ยนตำแหน่งเข้าสู่อุ้งเชิงกรานเพื่อเตรียมคลอด
- หน้าท้องของคุณแม่จึงอาจลดระดับต่ำลงมากกว่าเดิมเล็กน้อย
|
ทั้งนี้ หากยังไม่ถึงกำหนดคลอด แต่รู้สึกว่าหน้าท้องที่ “เคยนิ่ม” เกิดแข็งขึ้นมาทั่วท้องจนรู้สึกเจ็บ นั่นคือสัญญาณเตือนว่ามดลูกกำลังบีบตัวหดรัด ให้คุณแม่สังเกตดูว่าท้องจะแข็งนานประมาณ 10 นาที/ครั้ง ติดต่อกัน 4-5 ครั้ง เป็นชุดๆ หากเกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ ท้องแข็งจนรู้สึกแน่น หายใจไม่สะดวก และอาการไม่หายไป ควรจะรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพราะหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้มดลูกจะบีบตัวจนปากมดลูกเปิด นำมาสู่การคลอดก่อนกำหนดได้ค่ะ

ตั้งครรภ์ ท้องนิ่มหรือแข็ง คุณแม่มือใหม่ กดท้องยังไงให้รู้ว่าท้อง?
คุณแม่มือใหม่หลายคนไม่แน่ใจว่า ตั้งครรภ์ ท้องนิ่มหรือแข็ง ไม่ชัวร์ว่าลักษณะท้องที่เป็นอยู่ใช่การตั้งครรภ์หรือไม่ ทำให้รู้สึกอยากลองกดท้อง เพื่อตรวจสอบการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นวิธีการที่ทำได้นะคะแต่ไม่ใช่วิธีที่แม่นยำเสมอไป และการกดท้องเพื่อเช็กว่าตั้งครรภ์หรือไม่นั้น ปกติแล้วมีความเสี่ยงค่อนข้างมากค่ะหากทำด้วยตัวเอง ดังนั้น ข้อควรระวัง! ของการกดท้อง คือ แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจจะปลอดภัยกว่าค่ะ เนื่องจากเป็นการกดเช็กที่ต้องกดท้องค่อนข้างลึก เพราะคุณแม่ที่ตั้งครรภ์มดลูกจะยกสูงขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณแม่ที่ท้องเริ่มโตจึงรู้สึกแน่นท้อง และท้องอืดง่ายนั่นเองค่ะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกๆ ของการตั้งครรภ์ ดังนั้น คุณแม่จำเป็นต้องอาศัยการสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมกับการกดท้อง เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการตั้งครรภ์ ดังนี้
- สังเกตอาการเบื้องต้น อาการที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ เช่น ประจำเดือนขาด คลื่นไส้ อาเจียน คัดเต้านม อ่อนเพลีย ปัสสาวะบ่อย เป็นต้น
- กดท้องเบาๆ ใช้ปลายนิ้วกดลงบนหน้าท้องเบาๆ จะรู้สึกถึงความนูนและแข็งขึ้นของมดลูก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3
- สังเกตการเปลี่ยนแปลง หากท้องของคุณแม่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ได้ชัดเจน แสดงว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การยืนยันการตั้งครรภ์ที่แม่นยำที่สุดคือการตรวจปัสสาวะหรือตรวจเลือดนะคะ หากสงสัยว่าตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการดูแลที่เหมาะสมดีกว่าค่ะ
ตั้งครรภ์ ท้องนิ่มหรือท้องแข็ง: สาเหตุแม่ตั้งครรภ์ท้องแข็ง
อาการท้องแข็งในระหว่างตั้งครรภ์ไม่ได้เกิดขึ้นกับแม่ท้องทุกคนค่ะ แต่ถือเป็นภาวะที่ต้อง “เฝ้าระวัง” และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจทำให้มีอาการท้องแข็งด้วย ซึ่งโดยปกติแล้ว สาเหตุคุณแม่ ตั้งครรภ์ท้องแข็ง ที่พบบ่อยคือ
|
สาเหตุแม่ตั้งครรภ์ท้องแข็ง
|
ทารกในครรภ์ดิ้นแรง หรือโก่งตัว |
- เป็นอาการท้องแข็งที่พบบ่อยที่สุด
- คุณแม่จะรู้สึกท้องแข็งแบบ “บางที่แข็ง บางทีนิ่ม” เพราะลูกน้อยดิ้นหรือโก่งตัวชนเข้ากับผนังมดลูก จนมดลูกเกิดการบีบตัว
- อวัยวะต่างๆ ของลูก เช่น ศอก ไหล่ เข่า หัว หรือก้น ปรากฏนูนที่หน้าท้อง
- ถ้าเป็นส่วนหลังกับก้นดันออก คุณแม่จะรู้สึกว่ามดลูกเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งจะนิ่มกว่า
- บริเวณที่รู้สึกเป็นรอยนูนเล็กๆ หลายจุดจะเป็นส่วนของมือและเท้า ภาวะแบบนี้มักเป็นการดิ้นตามปกติของทารกในครรภ์
|
มดลูกบีบรัดตัวเองโดยหาสาเหตุไม่ได้ |
|
กินอิ่มเกินไป |
- คุณแม่ที่กินมากไป เคี้ยวไม่ละเอียด อาหารไม่ย่อย เกิดแก๊สในกระเพาะ อาจทำให้มดลูกบีบรัดตัวเพราะถูกกระตุ้นจากการเบียดของกระเพาะอาหาร
- ลักษณะท้องจะตึงหรือแน่นท้อง แต่ไม่ได้ท้องแข็งมาก
|

วิธีดูแลตัวเอง ไม่ให้ท้องแข็งขณะตั้งครรภ์
-
ไม่กลั้นปัสสาวะ
หากรู้สึกปวดปัสสาวะให้คุณแม่เข้าห้องน้ำทันทีค่ะ เพราะการกลั้นนานๆ เป็นสาเหตุให้เกิดท้องแข็งได้ เนื่องจากมดลูกที่ใหญ่ขึ้นตามอายุครรภ์จะถูกกระเพาะปัสสาวะที่บรรจุน้ำปัสสาวะเอาไว้มากเบียดแน่นขึ้นอีกค่ะ
-
ไม่บิดตัวหรือบิดขี้เกียจ
คุณแม่หลายคนอาจเคยชินกับการบิดตัวเพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ ดังนั้น หากตั้งครรภ์แล้วต้องระวังความเคยชินเหล่านี้นะคะ เพราะการบิดขี้เกียจ หรือบิดเอี้ยวตัว จะทำให้ช่องท้องมีปริมาตรเล็กลง ความดันในมดลูกสูงขึ้น ทำให้เกิดภาวะท้องแข็งขณะตั้งครรภ์ได้
-
ไม่กินอิ่มเกินไป
เมื่อการกินอาหารอิ่มมากเกินไป รวมถึงการเกิดแก๊สในกระเพาะอาหารเป็นเหตุผลหนึ่งของภาวะท้องแข็งในคุณแม่ตั้งครรภ์ ดังนั้น จึงต้องระวังค่ะ โดยควรแบ่งกินเป็นมื้อเล็กๆ มื้อย่อยหลายๆ มื้อ แต่กินให้ครบ 5 หมู่ เคี้ยวให้ละเอียด และดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ระบบการย่อยอาหารของคุณแม่ตั้งครรภ์จะทำงานได้ดีขึ้นค่ะ
-
งดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงไตรมาส 3
ในช่วงการตั้งครรภ์เดือนที่ 7-9 การมีเพศสัมพันธ์ในบางท่าทาง อาจกระตุ้นให้มดลูกเกิดการบีบตัว ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่ออาการท้องแข็งเท่านั้น แต่ยังไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพครรภ์ของคุณแม่ด้วยค่ะ
-
ไม่ควรลูบท้องบ่อยๆ
การลูบท้อง เป็นช่องทางหนึ่งที่จะสื่อสัมผัสรักจากคุณพ่อคุณแม่ไปสู่ลูกน้อยได้ก็จริง แต่คุณแม่ที่มีความเสี่ยงภาวะท้องแข็งขณะตั้งครรภ์ ไม่ควรลูบท้องบ่อยๆ นะคะ รวมถึงการสัมผัสกับอวัยวะที่ไวต่อการกระตุ้นอย่างบริเวณเต้านมซึ่งมักถูกสัมผัสในขณะอาบน้ำทำความสะอาด เนื่องจากจะส่งผลให้มดลูกบีบตัวได้ค่ะ

การเปลี่ยนแปลงของลักษณะท้องระหว่างตั้งครรภ์เป็นเรื่องปกตินะคะ ไม่ว่า ตั้งครรภ์ ท้องนิ่มหรือแข็ง คุณแม่ก็ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น และสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างใกล้ชิด หากมีข้อสงสัยหรือความกังวลใจ ควรปรึกษาแพทย์แล้วขอคำแนะนำและการดูแลที่ถูกต้อง เพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ค่ะ
ที่มา : www.phyathai.com , hellokhunmor.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ปวดท้องร้าวไปหลัง ระหว่าง ตั้งครรภ์ สัญญาณเตือน! หรือแค่ปวดธรรมดา?
เช็กอาการ! ตกขาวแบบไหน “ท้อง” ตกขาวคนท้องระยะแรก เป็นยังไง
ทายเพศลูกตามความเชื่อ จริงไหม ท้องแหลมได้ลูกชาย ท้องกลมได้ลูกสาว
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!