เบนแซค คืออะไร รักษาสิวได้จริงหรือ ประโยชน์และสรรพคุณคืออะไรบ้าง
เบนแซค คืออะไร ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงชอบนำมารักษาสิว สามารถรักษาสิวได้จริงหรือ วันนี้ theAsianprent นำคำตอบที่ทุกคนสงสัยมาฝากค่ะ ไปดูกันเลย
เบนแซคคืออะไร
เบนแซค (Benzac AC) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้รักษาสิวอักเสบและสิวอุดตัน มีตัวยาที่ช่วยในการฆ่าเชื้อสิว และผลัดเซลล์ผิว ตัวยาเบคแซคมีด้วยกัน 2 ขนาด คือ Benzac 2.5% (มีฤทธิ์อ่อน) Benzac 5% (มีฤทธิ์เข้มข้น) และในต่างประเทศมีระดับความเข้มข้นสูงสุดถึง 10%
คนส่วนใหญ่ชอบใช้เบนแซครักษาสิว เบนแซครักษาสิวได้จริงหรือ
เบนแซคสามารถใช้ในการรักษาสิวได้ เนื่องจากตัวยาเบนแซค สามารถเข้าไปฆ่าเชื้อ P.acne ช่วยทำให้สิวหลุดออกจากตุ่มสิว และสามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย กระบวนการทำงานของเบนแซค คือการทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วกับไขมันสลายตัวไป ทำให้สามารถช่วยรักษาและป้องกันสิวอุดตัน หรือสิวอักเสบมีหนองได้
Benzac , Differin และ Retin – A แตกต่างกันอย่างไร
- Benzac : เบนแซคเหมาะกับการรักษาสิวอักเสบ เพราะเบนแซคมีตัวยาที่ช่วยในการฆ่าเชื้อสิว เมื่อเลิกใช้ไม่ทำให้ดื้อยา สามารถกลับมาใช้ซ้ำได้ เบนแซคสามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เบนแซคก็สามารถช่วยรักษาสิวอุดตันได้ แต่ไม่ได้ช่วยรักษาเต็มร้อยเหมือนรักษาสิวอักเสบ
- Differin : ดิฟเฟอรีนเป็นยาทาที่ใช้รักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ สำหรับคนที่มีสิวจำนวนน้อยหรือปานกลาง ตัวยามีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของสิว ตัวยาจะละลายต่อมไขมันที่ทำให้เกิดสิวอุดตันได้ดี
- Retin – A : เรตินเอ เป็นยารักษาสิวอุดตัน แต่เรตินเอก็ไวต่อแสงมาก หากใครคิดที่จะใช้ เรตินเอ ไม่ควรโดนแสงระหว่างที่ใช้ แนะนำให้ใช้เรติเอในช่วงก่อนนอน โดยทาบาง ๆ เมื่อตื่นนอนล้างด้วยน้ำสะอาด และไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และ AHA เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคือง
บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำไม ยารักษาสิว จึงอันตรายกับลูกในท้อง 100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 75
เบนแซคทำให้สิวเห่อจริงหรือ
ตัวยาเบนแซคจะปล่อยออกซิเจนอิสระออกมาฆ่าเชื้อ เบนแซคไม่ได้ทำให้สิวเห่อ ต่างจากกรดวิตามินเอที่ทำให้สิวเห่อขึ้นเพียงเล็กน้อยขณะเริ่มใช้ในสัปดาห์แรก ๆ สำหรับคนที่ใช้แล้วมีอาการผิวหน้าแห้งลอก ระคายเคืองควรใช้ยาในเวลาสั้น ๆ แล้วล้างออก เพื่อไม่ให้เกิดอาการแพ้หรือคันที่ใบหน้า
วิธีใช้เบนแซคที่ถูกต้อง
- ทาบริเวณที่เป็นสิว 2 ครั้ง เช้า – เย็น ในช่วงแรกควรลองทาวันละ 1 ครั้งก่อน เพื่อดูว่าผิวหนังของเราแพ้หรือไม่ เวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับสิวของแต่ละคน โดยส่วนใหญ่ประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ ก็จะดีขึ้น หากไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์ทันที
- ควรใช้ก่อนล้างหน้า 5 – 15 นาที เนื่องจากเบนแซคสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ดังนั้นไม่ควรทาทิ้งไว้นานเกิน 30 นาที
- ทายาเบนแซคที่ใบหน้าบาง ๆ ในบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ หลีกเลี่ยงบริเวณที่เป็นเนื้ออ่อน รอบดวงตา ริมฝีปาก และจมูก
- เมื่อครบ 5 – 15 นาทีแล้ว ให้ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ไม่ควรใช้โฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
- ล้างเสร็จแล้วทาครีมสูตรอ่อนโยน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิวหน้า
ประโยชน์และสรรพคุณของเบนแซค
- เบนแซคมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย
- มีตัวยา Propionibacterium acnes (P.acnes) ทำให้หัวสิวที่อักเสบแห้ง ตกสะเก็ด และหลุดลอก
- เบนแซคมีสารให้ความชุ่มชื่น เพื่อลดอาการแพ้ หรือผลข้างเคียงขณะใช้ยา
- มี Acrylates Copolymer (AC) ที่เป็น copolymer ซึ่งจะปล่อย Glycerin ที่มีส่วนในการช่วยให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว และในขณะเดียวกัน AC จะทำให้ผิวหน้าดูดซับไขมันส่วนเกิน สาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ และสิวอุดตัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 ยาแต้มสิวใช้ดี แนะนำยาแต้มสิวขั้นเทพ ฆ่าเชื้อสิวได้หมดจด
ผลข้างเคียงจากการใช้เบนแซค
- การใช้เบนแซคอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง
- ทำให้ผิวหน้าลอก หน้าแดง ลอกเป็นขุย แสบคัน
- ขณะใช้แนะนำว่าควรทิ้งยาบนใบหน้า เป็นเวลาสั้น ๆ แล้วล้างออก ในช่วงแรก เพื่อให้สภาพผิวลองปรับตัวกับเนื้อครีมก่อนในช่วงแรก
- หลังจากผิวหน้าเริ่มเคยชินกับตัวยาเบนแซค ถึงจะค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาในการทายาให้นานขึ้น แต่หากทาแล้วรู้สึกแสบหน้า หรือมีผื่นคันอย่างรุนแรง ควรหยุดใช้ และปรึกษาแพทย์ทันที
วิธีดูแลตัวเอง ไม่ให้เป็นสิว
- ล้างหน้าให้สะอาด : ล้างหน้าให้สะอาดเป็นประจำเช้า – เย็น ถ้าล้างหน้าไม่สะอาดอาจทำให้สิ่งสกปรกไปอุดตันที่รูขุมขน ทำให้เกิดสิวอุดตันตามมา
- ใช้ยาแต้มสิว : เมื่อเป็นสิวอักเสบ ไม่ควรนำมือไปแกะ หรือบีบสิวเด็ดขาด การทายาจะช่วยลดการอักเสบของผิวบริเวณที่เป็นสิว
- ไม่ควรแกะสิว หรือสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ : ไม่ใช้มือแคะ แกะ เกา ใบหน้าหรือบริเวณที่เป็นสิว เพราะการที่นำมือไปสัมผัสกับใบหน้าบ่อย ๆ จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และยิ่งเราใช้มือไปบีบสิว จะยิ่งทำให้เกิดการอักเสบจนเชื้อสิวกระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น
- ซักผ้าปูที่นอนเป็นประจำ : เนื่องจากที่นอนเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรีย ปลอกหมอนหรือผ้าปูสัมผัสหน้าอยู่บ่อยครั้ง จึงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว ดังนั้นควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอนหรือซักบ่อย ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ : ควรพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 – 10 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมผิวให้มีสุขภาพที่ดี
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ : การดื่มน้ำเยอะ ๆ ในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย จะช่วยให้ชำระล้างสารพิษในร่างกาย ใครที่กำลังมีสิว หรือสำหรับคนที่มีสิวอยู่ การดื่มน้ำเยอะ ๆ ก็ช่วยได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : อาหารลดสิว 10 อย่าง อาหารกินแล้วสิวลด กินยังไงให้หน้าใสไร้สิว
ที่มา : today.line.me,sistacafe