ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กับการที่จะมีชีวิตอยู่ภายหลังจากการสูญเสียใครสักคนที่เป็นที่รักของเรา เช่นเดียวกับคุณแม่ท่านนี้ ที่ตัดสินใจเขียนเรื่องราวของตัวเอง พร้อมความรู้สึกต่าง ๆ ที่มี เพื่อบ่งบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า ครั้งนึง เธอเคยมีโอกาสได้อุ้มและพบหน้าคนที่เธอรักมากที่สุด ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเพียงไม่นานก็ตาม
“พวกเราเลือกที่จะแชร์ภาพของลูกชายเพียงแค่ 4 ภาพเท่านั้น เพราะนั่นคือรูปภาพที่พวกเราดูแล้วรู้สึกสะดวกใจที่จะแชร์ที่สุด”
เพราะรักแรกพบหรือเปล่าไม่รู้ แต่ เฮทเทอร์ คิดภายในใจคนเดียวว่า คริสโตเฟอร์ คือคนที่เธออยากแต่งงานและมีลูกด้วย … พวกเขาได้แต่งงานกันจริงสมใจเฮทเทอร์ และทั้งคู่ก็มีความรักที่เปี่ยมล้นด้วยกัน จนกระทั่งเธอตั้งครรภ์ เฮทเทอร์ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เพื่อให้เธอมีสุขภาพครรภ์ที่แข็งแรง
แต่ทุกอย่างก็ต้องจบลง ในขณะที่เธอทำสแกนตอนมีอายุครรภ์ได้ 16 สัปดาห์ และพบว่า ไม่สามารถจับชีพจรการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ได้ เฮทเทอร์ รีบมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลโดยทันที จนพบว่า ทารกในครรภ์นั้นเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากสายรกพันคอ
“พวกเราตั้งชื่อเขาว่า เจมส์ อัลวิน มิลเลอร์ ตามชื่อคุณปู่ ที่เพิ่งเสียชีวิตไปก่อนหน้านั้นได้ไม่นาน … พวกเราตัดสินใจถ่ายภาพคู่กับ เจมส์ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว แต่อย่างน้อยภาพถ่ายพวกนี้ ก็ทำให้พวกเรารู้สึกว่า เจมส์ เคยอยู่ตรงนี้” เฮทเทอร์กล่าว
ในตอนแรก เฮทเทอร์ ไม่กล้าแม้แต่จะมองหรืออุ้มลูกชายของตัวเองเพราะเธอกลัวและเสียใจซึ่งมันยากเกินกว่าที่จะทำใจได้ แต่แล้ว นางพยาบาลคนหนึ่งก็พูดกับเธอว่า “เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทุกครั้งกับครอบครัวที่มีการสูญเสีย พ่อแม่หลายคนปฏิเสธที่จะอุ้มลูกของตัวเองเพราะความกลัว แต่สุดท้ายทุกคนกลับเสียใจยิ่งกว่า ที่วันนั้นมีโอกาสแต่ไม่คิดที่จะทำ”
และเพราะคำพูดนี้ ทำให้ เฮทเทอร์ เรียกสติและดึงตัวเองออกจากความรู้สึกนั้นมาได้ “เจมส์ คลอดมาด้วยน้ำหนักตัวเพียง 99 กรัมด้วยความสูงเพียง 8 นิ้วเท่านั้น ในวันนั้น ฉันมองหน้าเขาแล้วก็เอาแต่ร้องไห้ ฉันได้แต่จ้องมองใบหน้า จมูก นิ้วมือของเขาเพื่อจะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้”
“สิ่งที่พวกเราทั้งสองคนรู้สึกเสียใจมากที่สุดก็คือ ทำไมพวกเราถึงไม่มีโอกาสที่จะกอด จูบ และใช้เวลากับเขาให้ได้นานกว่านี้ พวกเราอยากที่จะมีภาพถ่ายร่วมกัน ฉันแค่อยากที่จะจูบลงไปที่หน้าผากเขาแล้วพบว่าเขายังหายใจอยู่ ในวันนั้น หลังจากที่ เจมส์ เกิดได้ 4 ชั่วโมง เชื่อไหมว่าตัวของเขาแดงไปทั้งตัว และที่คอยังมีร่องรอยของรกที่พันคอเขาอยู่เลย จมูกและหูของเขายังมีพัฒนาการ ซึ่งฉันยังคงเห็นเขาหายใจอยู่เลย” เฮทเทอร์กล่าว
ตอนแรกทั้งคู่ ไม่กล้าที่จะลงภาพและเรื่องราวของเจมส์ผ่านโลกโซเชียล แต่ เฮทเทอร์ ก็เปลี่ยนใจ ภายหลังจากที่เธอไปเจอเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ประสบเหตุการณ์เดียวกับเธอ เธอจึงเปลี่ยนใจและโพสต์เรื่องราวของตัวเองลง แน่นอนว่ามีคนมากมายที่เข้ามาแสดงความเห็นใจและมอบกำลังใจให้กับเธอ แต่ก็มีเช่นเดียวกัน ที่ตำหนิการกระทำของเธอ แต่เธอก็เข้าใจ พร้อมกับกล่าวแสดงความเสียใจและอธิบายถึงสิ่งที่เธอทำ
ซึ่งตอนนี้ทั้งคู่ก็กำลังเปิดใจ และพยายามที่จะขอให้มีปาฏิหาร์ยเกิดขึ้นกับพวกเขาอีกครั้งนึง ซึ่งครั้งนี้ พวกเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และจะไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้นซ้ำประวัติศาสตร์เดิม
พวกเราทีมงานดิเอเชี่ยนพาเร้นท์ทุกคน ขอเป็นกำลังใจให้คนทั้งคู่ด้วยนะคะ
ที่มา: Mirror
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
5 เทคนิคดี ๆ รับมือกับการแท้งลูก
ทารกจิ๋วสู้ไม่ถอย ไม่หวั่นแม้จะคลอดก่อนกำหนด
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!