เลือกโรงพยาบาลก่อนฝากครรภ์ ต้องเลือกอย่างไร? ฝากครรภ์ที่ไหนดี?

สำหรับคุณแม่มือใหม่ คงจะเป็นเรื่องหนักใจพอสมควร สำหรับการพิจารณาว่าเราจะเลือกโรงพยาบาลไหนในการฝากครรภ์ดี แล้วเราควรใช้หลักเกณฑ์อะไรในการเลือก จะดูที่ราคา สถานที่ หรือจะดูจากรีวิวต่าง ๆ ตามสื่อออนไลน์ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลการ เลือกโรงพยาบาลก่อนฝากครรภ์ ว่าเราควรดูจากอะไรบ้าง ก่อนตัดสินใจฝากครรภ์

 

 

ฝากครรภ์ นั้นดีอย่างไร?

การที่เราจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ได้ อีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยให้ครอบครัวเราสมบูรณ์มากขึ้นนั่นคือการได้ให้กำเนิดคนคนหนึ่งขึ้นมา เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากเห็นลูกเติบโตมาเป็นเด็กที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง คุณแม่จะต้องใส่ใจและดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีตามไปด้วย เริ่มต้นได้จากสิ่งง่าย ๆ นั่นคือ “การฝากครรภ์” ส่วนข้อดี และประโยชน์ของการฝากครรภ์จะเป็นอย่างไรกันบ้าง

 

1. ช่วยป้องกันอันตรายต่อลูกในท้อง

ความสำคัญในการฝากครรภ์ อันดับแรกเลยคือเพื่อลดการคลอดลูกก่อนกำหนด ลดอัตราการแท้ง แถมยังช่วยป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ ต่อลูกในท้องอีกด้วย เพราะนอกจากแพทย์จะช่วยดูแลคุณแม่ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน พฤติกรรม หรือแม้แต่การตรวจทั้งภายนอกภายในต่าง ๆ แล้ว ยังช่วยดูแรกทารกในครรภ์ให้ปลอดภัยจากโรคต่าง ๆ และสามารถมีชีวิตรอดจนถึงวันคลอดได้อีกด้วย นอกจากนี้การฝากครรภ์นั้นยังรวมไปถึงคุณแม่จะได้พูดคุยปัญหา และหาหนทางแก้ไขถ้าหากเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือโรคภัยต่าง ๆ ในช่วงตั้งครรภ์กับคุณหมอได้อีกด้วย

 

เลือกโรงพยาบาลก่อนฝากครรภ์ 6

 

2. ช่วยป้องกันและลดอาการแทรกซ้อน

อาการแพ้ท้องคลื่นไส้หรืออาเจียน หรือบางคนที่มีอาการแพ้ท้องหนัก ๆ ซึ่งคุณแม่แต่ละท่านก็จะมีปัญหา หรืออาการแพ้ท้องที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งตัวคุณแม่เองนั้นไม่สามารถทราบได้เลยว่าอาการเหล่านั้นเป็นเพียงแค่อาการปกติของหญิงตั้งครรภ์ หรือเป็นสัญญาณเตือนของร่างกาย และทารกในครรภ์ที่ต้องการบอกเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนหรือการติดเชื้อต่าง ๆ หรือไม่ ดังนั้นการฝากครรภ์จะช่วยทำให้ลดอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และสามารถป้องกันก่อนที่จะเกิดภาวะเหล่านั้นได้

 

3. ส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจ

ความปรารถนาของคุณแม่ทุกท่านที่กำลังตั้งครรภ์นั้นคงหนีไม่พ้นการที่อยากจะให้ลูกตัวเองเติบโตมาเป็นเด็กที่อารมณ์ดีแข็งแรงสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นช่วงเวลาของการตั้งครรภ์เราก็ควรรีบไปพบแพทย์และทำการฝากครรภ์ให้เรียบร้อย เพื่อที่คุณหมอจะได้ให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์กับเราได้ หรือถ้าใครที่กำลังสงสัยว่าช่วงที่เราตั้งครรภ์สามารถออกกำลังกายได้ไหม กินอะไรได้บ้าง และต้องรับมือกับอารมณ์ที่แปรปรวนเหล่านี้ยังไง ก็สามารถสอบถามหรือขอคำแนะนำจากคุณหมอได้เช่นกัน เพราะเมื่อไหร่ที่เราสงสัยและถามคุณหมอสิ่งนี้ก็จะทำให้เราปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง แถมยังช่วยส่งเสริมให้ร่างกายของแข็งแรงขึ้น พร้อมทั้งส่งผลให้อารมณ์และจิตใจดีขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

 

4. ตรวจสอบว่าการตั้งครรภ์ปกติไหม

การรับประทานอาหาร พฤติกรรม กิจวัตรประจำวัน หรือแม้แต่การเดินทางต่าง ๆ ล้วนเป็นอันตรายต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ และทารกในครรภ์เป็นอย่างมาก หากไม่ได้รับการตรวจหรือดูแลเป็นอย่างดีก็อาจเกิดภาวะต่าง ๆ หรืออาการที่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ ซึ่งในบางครั้งคุณแม่และลูกเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ ได้ อาทิเช่น โรคซิฟิลิส โรคโลหิตจาง รวมถึงเสี่ยงต่อครรภ์เป็นพิษด้วยนั่นเอง และถ้าเราไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับคุณแม่และทารกในครรภ์ การฝากครรภ์จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะได้เข้าพบแพทย์เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ควรปฏิบัติตัวให้ถูกต้องและถูกวิธีตามที่คุณหมอสั่ง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลรักษาสุขภาพ

 

5. ช่วยดูแลทารกในครรภ์

การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง โดยทารกในครรภ์จะเริ่มมีการพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของร่างกายขึ้นภายใต้ครรภ์ของคุณแม่ ซึ่งการฝากครรภ์นั้นจะทำให้คุณแม่เห็นถึงพัฒนาการต่าง ๆ เหล่านั้นเมื่อเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจความผิดปกติของตนเองและลูกน้อย อีกทั้งยังช่วยทำให้เราทราบว่าลูกในท้องนั้นพัฒนาการและมีน้ำหนักตามเกณฑ์หรือเปล่า ทารกมีความผิดปกติ หรือมีภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากปัจจัยภายนอกและภายในอย่างไรบ้าง นอกจากนี้คุณหมอที่รับฝากครรภ์นั้นยังสามารถช่วยคุณแม่เกี่ยวกับวิธีการบรรเทาอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ได้ อาทิ นอนไม่หลับ ปวดท้อง ปวดหัว เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นการดูแลทั้งคุณแม่และคุณลูกไปพร้อมกันเลยทีเดียว

บทความที่เกี่ยวข้อง : หมอนัดตรวจครรภ์บ่อยแค่ไหน เดือนนี้หมอนัดแล้วไม่ไปได้ไหม ไปเดือนหน้าได้ไหม

 

เลือกโรงพยาบาลก่อนฝากครรภ์ 6

 

เลือกโรงพยาบาลก่อนฝากครรภ์ ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?

  • คำนวณค่าใช้จ่าย
  • ระยะทางจากที่อยู่อาศัยไปยังโรงพยาบาล
  • ความน่าเชื่อถือ
  • โรงพยาบาลที่มีประวัติการรักษาของคุณแม่
  • ความสะดวกสบาย

อย่างไรก็ตาม การเลือกโรงพยาบาลที่ใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลที่คุณสามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวก ควรเป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องคำนึงถึงลำดับต้น ๆ เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น คุณแม่จะได้เข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที และหากเป็นสถานพยาบาลที่คุณแม่มีประวัติการรักษาโรคประจำตัวมาก่อนยิ่งดีใหญ่ เพราะคุณหมอจะมีประวัติว่าคุณแม่เคยเป็นโรคอะไร ใช้ยาอะไร และจะมีผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์หรือไม่ ส่วนคุณแม่ที่เคยตั้งครรภ์มาก่อนแล้วอาจจะฝากครรภ์กับคุณหมอสูติที่คุ้นเคยก็ได้

 

เลือกโรงพยาบาลก่อนฝากครรภ์ 4

 

โรงพยาบาลรัฐฯ VS โรงพยาบาลเอกชน

เป็นหัวข้อที่มักจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องมานั่งคิดระหว่างการฝากครรภ์กับโรงพยาบาลรัฐฯ และโรงพยาบาลเอกชน เพราะข้อดีข้อเสียของโรงพยาบาลทั้งสอง คือตัวแปรสำคัญสำหรับคุณแม่อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของค่าใช้จ่าย และการบริการ

 

ฝากครรภ์กับโรงพยาบาลของรัฐ

  • มีค่าใช้จ่ายที่ถูก สบายกระเป๋า แต่ต้องแลกกับการที่คุณแม่จะต้องรอคิวเป็นเวลานาน ในบางโรงพยาบาลอาจจะต้องใช้เวลาในการรอคิวทั้งวัน เพราะแน่นอนว่า เมื่อค่าใช้จ่ายถูก ผู้ใช้บริการก็ย่อมมากตามไปด้วย
  • ใช้เวลาหลายวันในการตรวจ หรือรับผลการตรวจ เนื่องจากมีผู้เข้าใช้บริการจำนวนมาก การนำผลการตรวจจากห้องแล็บ จึงเกิดความล่าช้าเกิดขึ้น ทำให้การตรวจเช็กร่างกายในแต่ละครั้ง อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะได้รับผลการตรวจ
  • โอกาสที่จะไม่เจอคุณหมอดูแลครรภ์คนเดิมมีสูง เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลของทางรัฐฯ ดังนั้นจะมีคุณหมอที่คอยสลับสับเปลี่ยนมาให้บริการ โอกาสที่จะเจอคุณหมอคนเดิมในทุก ๆ ครั้ง จึงเป็นไปได้ยากมาก แต่ผลการตรวจ หรือไม่ผลการวินิจฉัยนั้น จะได้รับการบันทึกโดยละเอียด เพื่อส่งต่อให้คุณหมอท่านถัดไปเมื่อคุณแม่เข้ารับการปรึกษา

 

ฝากครรภ์กับโรงพยาบาลเอกชน

  • แพทย์ที่ดูแล และให้คำปรึกษาจะเป็นคนเดิม คุณแม่จะรู้สึกผ่อนคลายมากกว่า ในเวลาที่คุณแม่เข้าพบกับคุณหมอในแต่ละครั้ง เพราะคุณแม่จะได้รับการดูแล ติดตาม และรับคำปรึกษาจากแพทย์คนเดิมตลอดอายุครรภ์ ทำให้คุณแม่สามารถพูดคุย และปรึกษากับคุณหมอได้อย่างเต็มที่ทั้งปัญหาเรื่องครรภ์ และความวิตกกังวลต่าง ๆ
  • ประหยัดเวลา และสะดวกสบาย เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลเอกชน ทำให้การเข้าถึงบริการสะดวกรวดเร็ว รวมถึงการตรวจรักษาก็ไม่เสียเวลามากอีกด้วย
  • ค่าใช้จ่ายสูง ความสะดวกสบายต่าง ๆ ที่จะได้รับจากโรงพยาบาลเอกชน จะต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ จะต้องเลือกถึงความคุ้มค่า และความสามารถในการจ่าย

 

ไม่ว่าจะฝากครรภ์ กับทางโรงพยาบาลเอกชน หรือโรงพยาบาลรัฐฯ ทั้งสองกลุ่มนี้ต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือ การดูแลคุณแม่ในขณะตั้งครรภ์ ให้ทารกให้ครรภ์มีการเติบโตที่แข็งแรงสมบูรณ์ และสามารถคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย รวมถึงคุณแม่ก็ต้องมีร่างกายที่ดีอีกด้วย

 

 

เลือกโรงพยาบาลก่อนฝากครรภ์ 2

 

ค่าใช้จ่ายฝากครรภ์ โรงพยาบาลรัฐฯ VS โรงพยาบาลเอกชน

สำหรับการฝากครรภ์นั้น คุณแม่จะเลือกโรงพยาบาลรัฐ หรือเอกชน ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละท่าน แต่โดยรวมแล้วขีดความสามารถของโรงพยาบาลรัฐกับเอกชนก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ โดยค่าใช้จ่ายฝากครรภ์ครั้งแรกโดยประมาณ มีดังต่อไปนี้

 

ฝากครรภ์ครั้งแรกโรงพยาบาลรัฐ

  • ค่าฝากครรภ์ครั้งแรก ประมาณ 1,500 บาท
  • ค่าตรวจครรภ์ ครั้งละประมาณ 100 – 300 บาท
  • ค่ายาตลอดช่วงตั้งครรภ์ ประมาณ 1,000 บาท
  • ค่าตรวจอัลตราซาวนด์ ประมาณครั้งละ 500 บาท
  • ค่าวัคซีน ประมาณ 200 บาท

 

ฝากครรภ์ครั้งแรกโรงพยาบาลเอกชน

การฝากครรภ์ครั้งแรกกับโรงพยาบาลเอกชนนั้นแตกต่างออกไปจากโรงพยาบาลของรัฐ โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะถูกรวมอยู่ในแพ็กเกจคลอดแล้ว ทั้งนี้รวมถึงการตรวจนัดต่าง ๆ ที่เป็นไปตามเงื่อนไขของทางโรงพยาบาลและแพ็กเกจนั้น ๆ แต่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมภายหลังหากมีการเปลี่ยนแผนในการคลอด โดยที่ทั้งหมดนี้สามารถแบ่งผ่อนชำระได้ ซึ่งจะเริ่มต้นที่ประมาณ 10,000 – 35,000 บาท

 

เลือกโรงพยาบาลก่อนฝากครรภ์ 5

 

เอกสารที่ต้องใช้ในการฝากครรภ์ มีอะไรบ้าง

  • บัตรประชาชนทั้งของคุณแม่ และคุณพ่อ เผื่อไว้สำหรับการทำประวัติที่โรงพยาบาล
  • ประวัติการเจ็บป่วย การแพ้ยา การคลอดลูก โรคประจำตัว
  • ข้อมูลการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย

เมื่อซักประวัติ และทำทะเบียนของคุณแม่เรียบร้อยแล้ว คุณแม่จะได้รับสมุดฝากครรภ์ หนึ่งเล่ม ด้านในจะเป็นการนัดของแพทย์ในครั้งต่อ ๆ ไป และรายละเอียดเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ค่าง ๆ อาทิ การฉีดวัตซัน วิวัฒนาการของทารก เป็นต้น

โดยคุณแม่จะต้องเก็บสมุดเล่มนี้ให้เป็นอย่างดี เพื่อนำมาใช้เวลาแพทย์นัด หรือนำติดตัวมาด้วยเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินหรือมีปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์เร่งด่วนอื่น ๆ

 

สิทธิที่จะได้รับจากประกันสังคม มีอะไรบ้าง

  • ค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย 13,000 บาทต่อครั้ง
  • เงินสงเคราะห์ในการลาคลอดบุตร จะถูจ่ายโดนประกันสังคมอยู่ที่ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย เป็นเวลา 90 วัน (คิดจากฐานค่าจ้างที่นำส่งประกันสังคม ฐานสูงสุดไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท)
  • สำหรับการใช้สิทธิบุตรคนที่ 3 จะไม่ได้รับสิทธิเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 90 วัน

 

เลือกโรงพยาบาลก่อนฝากครรภ์ 1

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เช็คเงินสงเคราะห์บุตรประกันสังคม 2564 ใครมีสิทธิ์ได้รับบ้าง เช็คเลย

รวมแพ็กเกจฝากครรภ์ ปี 2564 จำเป็นหรือไม่ ที่จะต้องฝากครรภ์?

ฝากครรภ์พิเศษ ต่างจาก ฝากครรภ์ธรรมดาอย่างไร ฝากครรภ์ต้องตรวจอะไรบ้าง

แชร์ประสบการณ์หรือ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการฝากครรภ์ ได้ที่นี่!

ฝากครรภ์ที่ไหนดี มีที่ไหนแนะบ้างไหมคะ เอาที่หมอเก่งๆ อุปกรณ์ครบๆอ่ะค่ะ

ที่มา : 1, 2, 3, 4

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!