ไขข้อสงสัย ทารกเริ่มสร้างสมองและอวัยวะเมื่อไหร่ ? กินอะไรให้ลูกสมบูรณ์?

undefined

ในทุกย่างก้าวของการตั้งครรภ์ คุณแม่ต่างเฝ้ารอคอยการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์อย่างใจจดใจจ่อ หนึ่งในคำถามสำคัญที่คุณแม่หลายท่านอยากรู้คือ ทารกเริ่มสร้างสมองและอวัยวะที่สำคัญเมื่อไหร่ และคุณแม่ควรบำรุงด้วยโภชนาการแบบใดเพื่อให้ลูกน้อยเติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีขับเคลื่อนทุกสิ่ง เด็กยุคใหม่ที่กำลังจะเติบโตขึ้นมา หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ “Gen Beta” จะต้องเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การเตรียมความพร้อมให้พวกเขามีศักยภาพรอบด้านจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง และจุดเริ่มต้นของการเตรียมความพร้อมนั้น แท้จริงแล้วเริ่มขึ้นตั้งแต่ลูกน้อยยังอยู่ในครรภ์ของคุณแม่ ว่าที่คุณแม่มือใหม่ที่สงสัยว่า “ทารกเริ่มสร้างสมองและอวัยวะเมื่อไหร่ ?” และคุณแม่ควรใส่ใจเรื่องอาหารการกินอย่างไร เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตอย่างแข็งแรง สมบูรณ์ พร้อมที่จะเรียนรู้และก้าวทันโลกในอนาคต theAsianparent จะพาไปไขข้อสงสัยเกี่ยวกับช่วงเวลาสำคัญของการพัฒนาทารกในครรภ์ พร้อมเผยเคล็ดลับการบำรุงครรภ์อย่างถูกวิธี เพื่อให้ลูกน้อย Gen Beta ของคุณพ่อคุณแม่ เติบโตมาอย่างมีคุณภาพและเต็มศักยภาพกันค่ะ

 

ทารกเริ่มสร้างสมองและอวัยวะเมื่อไหร่ ? ช่วงเวลาทองของการสร้างสมองและอวัยวะทารก

ช่วงเวลาที่อัศจรรย์ที่สุดในการพัฒนาของมนุษย์คนหนึ่ง คือช่วงเวลาที่ทารกน้อยกำลังก่อร่างสร้างตัวอยู่ในครรภ์มารดา อวัยวะน้อยๆ ค่อยๆ ถือกำเนิดและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เรียกว่า “ช่วงเวลาทอง” ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาสมองและอวัยวะต่างๆ ของทารกให้สมบูรณ์แข็งแรง เรามาเจาะลึกถึงช่วงเวลาอันแสนพิเศษนี้กันค่ะ

เวลาทองของการสร้างสมองและอวัยวะทารก

ไตรมาสแรก (สัปดาห์ที่ 1-13): จุดเริ่มต้นแห่งชีวิตและการสร้างรากฐานสำคัญ

ในช่วงไตรมาสแรกนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง เพราะเป็นช่วงที่เกิดการปฏิสนธิ เมื่ออสุจิและไข่มาพบกัน และเริ่มกระบวนการฝังตัว ของตัวอ่อนที่ผนังมดลูก จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ นี้เอง อวัยวะสำคัญต่างๆ ของลูกน้อยก็จะเริ่ม สร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น หัวใจ ที่จะเริ่มเต้น ระบบประสาท ซึ่งเป็นพื้นฐานของสมองและไขสันหลัง รวมถึงการก่อตัวของ แขนขา เล็กๆ นอกจากนี้ การพัฒนาสมองเบื้องต้นก็เริ่มขึ้นในช่วงนี้เช่นกัน แม้จะยังไม่ซับซ้อนมาก แต่ก็เป็นการวางรากฐานที่สำคัญสำหรับการพัฒนาสมองในระยะต่อไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอายุครรภ์ 5-6 สัปดาห์ เป็นช่วงที่คุณแม่ต้องให้ความสำคัญและระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาสำคัญของการ ปิดตัวของหลอดประสาท (Neural Tube) ซึ่งกระบวนการนี้มักเกิดขึ้นในช่วง 3-4 สัปดาห์หลังการปฏิสนธิ หากหลอดประสาทปิดตัวไม่สมบูรณ์ จะส่งผลให้เกิดภาวะ หลอดประสาทไม่ปิด (Neural Tube Defect – NTD) ซึ่งเป็นความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดที่รุนแรงของระบบประสาทส่วนกลางและไขสันหลัง ความผิดปกตินี้อาจส่งผลกระทบต่อ กระดูกสันหลัง ไขประสาท สมอง รวมทั้ง กล้ามเนื้อและผิวหนัง ที่อยู่เหนือบริเวณดังกล่าว

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง ของภาวะหลอดประสาทไม่ปิดนั้นมีหลายประการ เช่น ภาวะขาดโฟเลต ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาของระบบประสาท รวมถึง ปัจจัยทางพันธุกรรม ก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

ดังนั้น ในช่วงไตรมาสแรกนี้ คุณแม่จึงควรใส่ใจดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องอาหารการกิน โดยเฉพาะการได้รับโฟเลต ในปริมาณที่เพียงพอ การพักผ่อนที่เพียงพอและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือการใช้ยาบางชนิดโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพื่อให้การสร้างอวัยวะสำคัญและการพัฒนาสมองและระบบประสาทของลูกน้อยเป็นไปอย่างราบรื่นและสมบูรณ์ที่สุดค่ะ การปรึกษาแพทย์และฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณแม่ได้รับคำแนะนำและการดูแลที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะหลอดประสาทไม่ปิดได้ค่ะ

ไตรมาสที่สอง (สัปดาห์ที่ 14-27): เติบโตและพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่สอง ลูกน้อยจะมีการ เจริญเติบโตของอวัยวะต่างๆ อย่างรวดเร็ว อวัยวะที่สร้างขึ้นแล้วก็จะเริ่มทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ พัฒนาการของระบบประสาทและสมองที่ซับซ้อนขึ้น เซลล์ประสาทจะเริ่มสร้างการเชื่อมต่อกันมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการทำงานของสมองในอนาคต ลูกน้อยจะเริ่มมีการเคลื่อนไหวให้คุณแม่รู้สึกได้ รวมถึงการพัฒนาของประสาทสัมผัสต่างๆ

ในช่วงนี้ คุณแม่ควรได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของลูกน้อย โดยเฉพาะสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมองและระบบประสาท

ไตรมาสที่สาม (สัปดาห์ที่ 28-40): เตรียมพร้อมสู่โลกภายนอกและการพัฒนาสมองที่ไม่หยุดนิ่ง

มาถึงไตรมาสสุดท้ายนี้ ลูกน้อยจะมีการ เจริญเติบโตและพัฒนาการของสมองอย่างต่อเนื่อง อย่างที่คุณแม่ทราบดีว่า สมองทารกจะเจริญเติบโตเร็วมาก ในช่วงนี้ ขนาดและน้ำหนักของสมองจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการสร้างเครือข่ายใยประสาทที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น อวัยวะต่างๆ ก็จะพัฒนาเต็มที่ ตัวเด็กจะเจริญอย่างรวดเร็วพร้อมที่จะคลอด และปรับตัวเข้าสู่โลกภายนอก

ในช่วงนี้ การดูแลสุขภาพของคุณแม่ยังคงสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่เพียงพอสำหรับการพัฒนาสมองและร่างกายอย่างเต็มที่จนถึงวินาทีสุดท้ายของการตั้งครรภ์ค่ะ

แม่ท้องกินอย่างไรให้ได้สารอาหารครบถ้วน

 

แม่ท้องกินอย่างไรให้ได้สารอาหารครบถ้วน

พอจะทราบกันแล้วนะคะว่า ทารกเริ่มสร้างสมองและอวัยวะเมื่อไหร่ ทีนี้มาดูกันต่อว่าแล้วอาหารการกินล่ะ ต้องเป็นแบบไหนหลักการง่ายๆ สำหรับโภชนาการช่วงตั้งครรภ์ แนะนำว่าต้องกินให้หลากหลาย ครบ 5 หมู่ เน้นคุณภาพของอาหารที่รับประทานในทุกมื้อว่าต้องมีประโยชน์ที่สุดค่ะ

  • โปรตีน: สารอาหารหลักเพื่อช่วยในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกายแม่และทารก รวมถึงการสร้างอวัยวะสำคัญต่างๆ และระบบภูมิคุ้มกัน แหล่งอาหารที่ให้โปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน (ปลา, ไก่, หมู), ไข่, เต้าหู้, ถั่วเมล็ดแห้ง, ผลิตภัณฑ์จากนม
  • คาร์โบไฮเดรต: ให้พลังงานที่ยาวนาน ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และมีใยอาหารสูง ช่วยในการขับถ่าย แหล่งอาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าวกล้อง, ขนมปังโฮลวีท, ธัญพืชไม่ขัดสี
  • ไขมันดี: โดยเฉพาะ โอเมก้า 3 (DHA และ EPA) มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองและสายตาแหล่งอาหารไขมันดี เช่น แซลมอน, ทูน่า, อะโวคาโด, ถั่วเปลือกแข็ง, เมล็ดพืช, น้ำมันมะกอก
  • น้ำ: สำคัญต่อทุกกระบวนการในร่างกาย คุณแม่ควรดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดวัน เพื่อรักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย ช่วยในการลำเลียงสารอาหาร และป้องกันภาวะขาดน้ำ

การใส่ใจเรื่องอาหารการกินตั้งแต่เนิ่นๆ จะเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้ลูกน้อย Gen Beta ของคุณแม่เติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรง สมบูรณ์ และมีพัฒนาการที่ดี พร้อมที่จะเรียนรู้และก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วค่ะ

วิตามินและแร่ธาตุสำคัญสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

วิตามินและแร่ธาตุสำคัญสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

ในช่วงเวลาที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเช่นขณะตั้งครรภ์ การได้รับ วิตามินและแร่ธาตุ ที่เพียงพอและเหมาะสม ถือเป็นกุญแจสำคัญในการสนับสนุนสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการที่สมบูรณ์ของลูกน้อยในครรภ์ วิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย และการขาดแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจส่งผลกระทบได้ มารู้จักวิตามินและแร่ธาตุสำคัญที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรให้ความสำคัญกันค่ะ

1. โฟลิก (Folic Acid)

โฟลิก หรือ Folic Acid เป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง ก่อนการตั้งครรภ์และในไตรมาสแรก เนื่องจากมีส่วนสำคัญในการสร้างและพัฒนา ท่อประสาท (Neural Tube) ของทารก ซึ่งจะพัฒนาไปเป็นสมองและไขสันหลัง การได้รับโฟลิกอย่างเพียงพอจึงช่วย ป้องกันความผิดปกติของท่อประสาท ซึ่งเป็นภาวะที่รุนแรงและอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของลูกน้อยได้ในระยะยาว นอกจากนี้ โฟลิกยังมีความสำคัญอย่างมากต่อ พัฒนาการสมองและระบบประสาท ของทารกตั้งแต่ในครรภ์ ช่วยในการสร้างเซลล์ใหม่และการทำงานของระบบประสาทให้เป็นไปอย่างปกติ การได้รับโฟลิกอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นการวางรากฐานที่แข็งแรงให้กับพัฒนาการทางสติปัญญาและระบบประสาทของลูกน้อย คุณแม่สามารถได้รับโฟลิกจากอาหารหลากหลายชนิด ดังนี้ค่ะ

–  ผักใบเขียวเข้ม: เช่น ผักโขม, คะน้า, บรอกโคลี

–  ถั่วและเมล็ดพืช: เช่น ถั่วลิสง, ถั่วแดง, ถั่วลูกไก่, เมล็ดทานตะวัน

–  ผลไม้รสเปรี้ยว: เช่น ส้ม, มะนาว, เกรปฟรุต

โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะแนะนำให้คุณแม่ที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์และคุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรก ได้รับโฟลิกอย่างน้อย 400-800 ไมโครกรัม (mcg) ต่อวัน ซึ่งอาจมาจากการรับประทานอาหารที่มีโฟลิกสูงร่วมกับการรับประทาน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีโฟเลต ตามคำแนะนำของแพทย์ การได้รับโฟลิกในปริมาณที่เพียงพอตั้งแต่ก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ จะช่วยลดความเสี่ยงของความผิดปกติของท่อประสาทได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ สำหรับการรับประทานโฟลิกในรูปแบบวิตามินเสริม โดยเฉพาะในคุณแม่เอเชียที่มีการศึกษาพบว่าร่างกายย่อยโฟลิกได้ไม่เต็ม 100% แนะนำเพื่อให้เลือกรับประทานเลตชนิดที่เป็น Metafolin หรือโฟเลตรูปแบบ Active Form ที่ร่างกายใช้ได้ทันทีค่ะ

โฟลิก (Folic Acid)

2. ธาตุเหล็ก (Iron)

ธาตุเหล็ก เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการตั้งครรภ์ มีบทบาทสำคัญในการ สร้างเม็ดเลือดแดง ทั้งของคุณแม่และทารกในครรภ์ เม็ดเลือดแดงเหล่านี้ทำหน้าที่สำคัญในการ นำออกซิเจนไปเลี้ยง ทุกส่วนของร่างกาย รวมถึงทารกที่กำลังเติบโต หากคุณแม่ได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งคุณแม่และลูกน้อยได้ นอกจากนี้ ธาตุเหล็กยังมีความสำคัญต่อพัฒนาการสมอง ของทารก โดยมีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์สมองและการทำงานของระบบประสาท การได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอจึงช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาและความสามารถในการเรียนรู้ของลูกน้อย

นอกจากนี้ ธาตุเหล็กยังมีความสำคัญต่อพัฒนาการสมอง ของทารก โดยมีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์สมองและการทำงานของระบบประสาท การได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอจึงช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาและความสามารถในการเรียนรู้ของลูกน้อย คุณแม่สามารถเพิ่มปริมาณธาตุเหล็กในร่างกายได้จากการรับประทานอาหารเหล่านี้ค่ะ

– เนื้อสัตว์: โดยเฉพาะเนื้อแดง (วัว, หมู), ตับ, ไข่แดง

– สัตว์ปีก: เช่น ไก่, เป็ด

– ผักใบเขียวเข้ม: เช่น ผักโขม, คะน้า

– ถั่วและเมล็ดพืช: เช่น ถั่วแดง, ถั่วดำ, เมล็ดฟักทอง

โดยทั่วไปแล้ว คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการ ธาตุเหล็กในปริมาณที่สูงกว่าปกติ คือประมาณ 27 มิลลิกรัม (mg) ต่อวัน เนื่องจากร่างกายต้องสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารก อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่แนะนำอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสุขภาพและภาวะโภชนาการเดิมของคุณแม่ ดังนั้น การปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณธาตุเหล็กที่เหมาะสม และความจำเป็นในการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญค่ะ การรับประทานวิตามินเสริมธาตุเหล็กอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น อุจจาระมีสีดำและมีกลิ่น อย่างไรก็ตาม มีทางเลือกของวิตามินเสริมธาตุเหล็กในรูปแบบ Bisglycinate ซึ่งมีผลการศึกษาในเรื่องการดูดซึมที่ดีกว่า กินง่ายขึ้นเพราะกลิ่นเหล็กลดลง และยังมีประสิทธิภาพดีกว่า อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงน้อยกว่าธาตุเหล็กในรูปแบบเกลืออื่นๆ ทำ จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณแม่ค่ะ

3. ไอโอดีน (Iodine)

ไอโอดีน เป็นแร่ธาตุสำคัญอย่างยิ่งต่อ การพัฒนาสมองและระบบประสาทของทารก การขาดไอโอดีนระหว่างตั้งครรภ์อาจส่งผลกระทบต่อ พัฒนาการทางสติปัญญา ของลูกน้อยได้ คุณแม่สามารถเพิ่มปริมาณธาตุเหล็กในร่างกายได้จากการรับประทานอาหารเหล่านี้ค่ะ

–  อาหารทะเล เช่น ปลา, กุ้ง, หอยสาหร่ายทะเล

–  เกลือเสริมไอโอดีน

โดยทั่วไปแนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับ ไอโอดีนประมาณ 220 ไมโครกรัม (mcg) ต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ การได้รับไอโอดีนอย่างเพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ

4. แคลเซียม (Calcium)

แคลเซียม มีบทบาทสำคัญในการ สร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรงของทารก ในขณะเดียวกันก็มีความสำคัญต่อ สุขภาพกระดูกของคุณแม่ด้วย แหล่งอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม

– ผลิตภัณฑ์นม (นม, โยเกิร์ต, ชีส)

– ปลาเล็กปลาน้อยที่กินได้ทั้งตัว

– ผักใบเขียวเข้ม (คะน้า, บรอกโคลี)

– เต้าหู้แข็ง และงา

โดยทั่วไปแนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับ แคลเซียมประมาณไม่ต่ำกว่า 1,000 มิลลิกรัม (mg) ต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อการสร้างกระดูกและฟันของทารก
และรักษาสุขภาพกระดูกของคุณแม่ให้แข็งแรงค่ะ

และเมื่อลูกน้อย Gen Beta ของคุณแม่ลืมตาดูโลก การเตรียมความพร้อมก็ยังคงดำเนินต่อไป การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ เพราะเป็นแหล่งอาหารที่ดีที่สุด อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็นและภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการสมองและร่างกายของลูกน้อย ควบคู่ไปกับการ กระตุ้นพัฒนาการลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด ผ่านการสัมผัส การพูดคุย การเล่น และการสร้างปฏิสัมพันธ์ จะช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของลูกน้อยให้เติบโตสมวัย

ที่สำคัญ คุณแม่ยังคงต้องใส่ใจกับการได้รับ โฟลิก อย่างต่อเนื่องในช่วงให้นมบุตร แม้ความต้องการจะลดลง
แต่โฟลิกก็ยังคงมีบทบาทในการสนับสนุนสุขภาพของคุณแม่และการพัฒนาของลูกน้อยผ่านน้ำนม

การดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่ในครรภ์จนถึงหลังคลอด ด้วยโภชนาการที่เหมาะสมและการกระตุ้นพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งให้ลูกน้อย Gen Beta ของคุณแม่เติบโตมาอย่างมีคุณภาพ พร้อมเผชิญกับโลกดิจิทัลที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทายได้อย่างเต็มศักยภาพค่ะ

 

แพทย์หญิงธิศรา วีรสมัย สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลพญาไท

ตรวจสอบเนื้อหาโดย แพทย์หญิงธิศรา วีรสมัย สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลพญาไท

 

 

 

อ้างอิง
  1.   9 เดือน กับพัฒนาการของทารกในครรภ์, โรงพยาบาลเปาโล https://www.paolohospital.com/th-th/kaset/Article/Details/9-เดือน-กับพัฒนาการของทารกในครรภ์
  2.   9 เดือน มหัศจรรย์พัฒนาการทารกในครรภ์, https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/9เดือนมหัศจรรย์พัฒนาการ
  3.   การดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์และพัฒนาการทารกในครรภ์ โรงพยาบาลแมคคอร์มิค https://www.mccormickhospital.com/web/articles/blogs/การดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์และพัฒนาการทารกในครรภ์
  4.   “กรดโฟลิก” สิ่งจำเป็นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคน!, โรงพยาบาลพญาไท https://www.phyathai.com/th/article/2612-กรดโฟลิก__สิ่งจำเป็นสำ
  5. โภชนาการแม่ท้องต้องรู้, โรงพยาบาลกรุงเทพ https://www.bangkokhospital.com/content/nutrition-pregnant-mothers-must-know

———————————————————————————————————————

สำหรับคุณแม่ที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ theAsianparent 

ขอแนะนำ Elevit วิตามินรวมและเกลือแร่รวม 19 ชนิด ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกสำหรับคุณแม่ทั้งในช่วงก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ ช่วยลดโอกาสการเกิดความผิดปกติโดยกำเนิดของทารก ใช้ป้องกันและรักษาภาวะขาดวิตามินและเกลือแร่ ประกอบด้วย วิตามินและเกลือแร่ หลายชนิดได้แก่ กรดโฟลิก, ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, ไอโอดีน

รับประทานวันละ 1 เม็ด (อ่านคำเตือนบนฉลากก่อนใช้ยา)

เลขทะเบียนยา 2C 9/67 ใบอนุญาตโฆษณาเลขที่ ฆท. 87/2568

ไขข้อสงสัย ทารกเริ่มสร้างสมองและอวัยวะเมื่อไหร่ ? กินอะไรให้ลูกสมบูรณ์?  หาซื้อได้ที่ร้านขายยาแผนปัจจุบันทั่วไป

Elevit วิตามินรวมและเกลือแร่รวม 19 ชนิด

 

 

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!