สภาฯ ไฟเขียว ร่างกม.ใหม่ เพิ่มสิทธิแม่ทำงาน ลาดูแลลูกป่วย-ลาปวดประจำเดือน
คุณแม่เตรียมเฮ! สภาฯ ผ่านร่างกฎหมายใหม่ จัดเต็มเพื่อ “แม่และครอบครัว” ทั้ง “ห้องปั๊มนม-วันลาดูแลลูกป่วย-ลาปวดประจำเดือน”
คุณแม่เตรียมเฮ! สภาฯ ผ่านร่างกฎหมายใหม่ จัดเต็มเพื่อ “แม่และครอบครัว” ทั้ง “ห้องปั๊มนม-วันลาดูแลลูกป่วย-ลาปวดประจำเดือน
ข่าวนี้ต้องรีบแชร์ให้ถึงหูแม่ๆ ทุกคนเลยค่ะ! เพราะนี่คือเรื่องราวดีๆ ที่จะทำให้ชีวิตเวิร์กกิ้งมัมอย่างเราๆ ง่ายขึ้นอีกเยอะเลย เมื่อสภาผู้แทนราษฎรได้โหวตรับหลักการร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา บอกเลยว่าเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่และผู้หญิงสุดๆ
ไฮไลท์เด็ดที่แม่ๆ ต้องยิ้มกว้าง คือข้อเสนอจาก ส.ส. หญิง คุณวรรณวิภา ไม้สน ที่เน้นเรื่องการคุ้มครองสตรีและครอบครัวโดยเฉพาะ มาดูกันค่ะว่ามีอะไรโดนใจแม่ๆ อย่างเราบ้าง
-
คุณแม่นักปั๊มจะมีที่ทางของตัวเอง
หมดสมัยแอบปั๊มนมในห้องน้ำหรือห้องเก็บของ! กฎหมายใหม่จะกำหนดให้นายจ้างต้องจัด “สถานที่ที่เหมาะสมและปลอดภัย” ให้คุณแม่ได้ให้นมหรือปั๊มนมเก็บให้ลูกน้อย แถมยังให้เวลาพักไปปั๊มนมได้วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที และคุ้มครองสิทธินี้ยาวๆ อย่างน้อย 1 ปีหลังคลอด เลยทีเดียว นี่สิถึงจะเรียกว่าการสนับสนุนจากที่ทำงานของจริง!
-
ลูกป่วย ครอบครัวไม่สบาย ลางานไปดูแลได้
เข้าใจที่สุดว่าเวลาลูกหรือคนในครอบครัวป่วย โดยเฉพาะเมื่อต้องนอนโรงพยาบาล ใจของแม่ก็อยากจะไปเฝ้าดูแลใกล้ๆ ตลอดเวลา กฎหมายนี้จึงให้สิทธิ “ลาไปดูแลสมาชิกในครอบครัวที่ป่วยได้ ปีละไม่เกิน 15 วัน” ทำให้เราสามารถทำหน้าที่ลูกและแม่ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงาน
-
เข้าใจผู้หญิง! ลาปวดประจำเดือน ไม่ต้องนับเป็นวันลาป่วย
เรื่องลาปวดท้องเมนส์ หรือ ลาปวดประจำเดือน ผู้หญิงด้วยกันจะเข้าใจดีที่สุด! ร่างกฎหมายนี้อนุญาตให้ผู้หญิงสามารถ “ลาหยุดเนื่องจากมีประจำเดือนได้ เดือนละไม่เกิน 3 วัน” โดยที่ไม่ถูกนับรวมกับวันลาป่วย ทำให้เราได้พักผ่อนในวันที่ร่างกายไม่ไหวจริงๆ โดยไม่ต้องรู้สึกผิด

นอกจากเรื่องที่โดนใจแม่ๆ โดยตรงแล้ว ในร่างกฎหมายอีกฉบับที่ผ่านการพิจารณาพร้อมกัน ยังช่วยให้เรามี Work-Life Balance ที่ดีขึ้นอีกด้วยนะคะ ทั้งการกำหนดให้ทำงานไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และมีวันหยุด 2 วัน ทำให้เรามีเวลาคุณภาพอยู่กับลูกและครอบครัวได้มากขึ้นไปอีก
ตอนนี้ร่างกฎหมายทั้งหมดกำลังจะเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาในรายละเอียดต่อไป เรามาส่งกำลังใจและติดตามข่าวนี้กันต่อนะคะ หวังว่าอีกไม่นาน กฎหมายดีๆ ที่เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่อย่างเรา จะประกาศใช้เป็นจริง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกครอบครัวค่ะ!
ปวดประจำเดือน: สัญญาณเตือนที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม
การที่สภาฯ รับร่างกฎหมายให้สามารถ “ลาปวดประจำเดือน” ได้ถึง 3 วันต่อเดือนโดยไม่นับเป็นวันลาป่วยนั้น ถือเป็นข่าวดีที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในสุขภาพของผู้หญิงมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นโอกาสดีที่เราจะหันมาใส่ใจและทำความเข้าใจกับอาการ “ปวดท้องประจำเดือน” กันอย่างจริงจัง เพราะบางครั้งมันอาจไม่ใช่แค่เรื่องธรรมดา แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายที่เรา “อย่าละเลย”
จากข้อมูลของโรงพยาบาลมิชชั่น อาการปวดท้องประจำเดือนสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1. ปวดแบบไม่เป็นโรค (Primary Dysmenorrhea)
อาการปวดแบบนี้คือการปวดที่เราคุ้นเคยกันดี เป็นการปวดบริเวณท้องน้อยที่อาจร้าวไปถึงหลังและต้นขา บางครั้งอาจมีอาการคลื่นไส้ หน้ามืด หรือเหงื่อออกร่วมด้วย
- ช่วงเวลา: มักจะเริ่มปวด 1-2 วันก่อนมีประจำเดือน และจะปวดมากที่สุดในช่วงวันแรกๆ
- สาเหตุ: เกิดจากการที่กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวอย่างรุนแรง เพื่อขับเยื่อบุโพรงมดลูกและเลือดประจำเดือนออกมา ซึ่งการบีบตัวนี้ถูกกระตุ้นโดยสารเคมีในร่างกายที่ชื่อว่า “พรอสตาแกลนดิน” (Prostaglandins) ยิ่งสารนี้ถูกหลั่งออกมามากเท่าไหร่ มดลูกก็จะยิ่งบีบตัวรุนแรงขึ้นและทำให้ปวดมากขึ้นเท่านั้น
2. ปวดแบบเป็นโรค (Secondary Dysmenorrhea)
นี่คืออาการปวดที่น่ากังวลและเป็นสาเหตุที่เราไม่ควรมองข้ามความเจ็บปวดของตัวเอง เพราะมันเกิดจากความผิดปกติหรือโรคที่ซ่อนอยู่ในอุ้งเชิงกรานของเรา
- ลักษณะอาการ: อาจเป็นอาการปวดที่ต่อเนื่อง ไม่ได้สัมพันธ์กับช่วงรอบเดือนโดยตรง หรือปวดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละเดือน
- สาเหตุของโรคที่ซ่อนอยู่:
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ช็อกโกแลตซีสต์
- เนื้องอกในมดลูก (Adenomyosis/Fibroids) ซึ่งเป็นภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญในผนังหรือกล้ามเนื้อมดลูก
- พังผืดในช่องท้อง
- การติดเชื้ออักเสบในอุ้งเชิงกราน
- ความผิดปกติอื่นๆ ของท่อนำไข่หรือปากมดลูก
เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?
หากคุณแม่มีอาการปวดท้องประจำเดือนที่รุนแรงจนกระทบการใช้ชีวิต หรือสงสัยว่าอาการปวดของตัวเองอาจไม่ใช่แบบปกติ อย่าลังเลที่จะไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย ซึ่งวิธีการตรวจในปัจจุบันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด โดยแพทย์อาจเริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจใช้เครื่องมืออื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อความแม่นยำ เช่น:
- การอัลตราซาวนด์ (Pelvic Ultrasound)
- การตรวจด้วยเครื่อง CT Scan หรือ MRI
- การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก
ดังนั้น การมีสิทธิลา ไม่ได้หมายความว่าเราต้องทนกับความเจ็บปวด แต่เป็นโอกาสให้เราได้หยุดพักและสังเกตความผิดปกติของร่างกาย หากอาการปวดประจำเดือนรุนแรง อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะการตรวจพบโรคตั้งแต่เนิ่นๆ คือหนทางที่ดีที่สุดในการรักษาและดูแลสุขภาพของเราในระยะยาวค่ะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ทำปอดรั่ว !? ใครปวดท้องเมนส์หนักทุกเดือน เช็กด่วน!
ปวดท้องเมนส์ ลาป่วยแล้วโดนไล่ออก พนักงานหญิงฟ้องศาลได้เงินชดเชย 1.4 ล้าน
ของกิน แก้ปวดประจำเดือน ในเซเว่น หาซื้อง่าย ปวดท้องเมนส์ กินอะไรดี ?
ที่มา : ไทยรัฐทีวี32 , โรงพยาบาลมิชชั่น
