ทารกกลืนน้ำคร่ำอันตรายไหม? รู้จัก ภาวะสำลักน้ำคร่ำ และวิธีดูแล

undefined

ทารกกลืนน้ำคร่ำอันตรายขึ้นอยู่กับสภาพน้ำคร่ำและปริมาณ หากมีขี้เทาปนจะเสี่ยงต่อการหายใจติดขัดและต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง

Advertisement

คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่อง ‘ทารกกลืนน้ำคร่ำ’ หรือ ‘สำลักขี้เทา’ ใช่ไหมคะ? บทความนี้จะชวนทำความเข้าใจว่า ทารกกลืนน้ำคร่ำอันตรายไหม? ภาวะสำลักน้ำคร่ำอันตรายแค่ไหน? เกิดขึ้นได้อย่างไร? และเมื่อเกิดแล้วจะมีวิธีดูแลอย่างไร รวมถึงเคล็ดลับลดความเสี่ยงภาวะสำลักน้ำคร่ำค่ะ

น้ำคร่ำคืออะไร?

น้ำคร่ำ คือ ของเหลวที่อยู่รอบตัวทารกในถุงน้ำคร่ำ ซึ่งเริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นการตั้งครรภ์ โดยมีบทบาทสำคัญหลายอย่าง เช่น

  • ช่วยให้ปอดทารกพัฒนาเต็มที่

  • การที่ทารกกลืนน้ำคร่ำช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินอาหาร

  • เป็นพื้นที่ให้ทารกขยับตัว ส่งเสริมการเจริญของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท

  • ป้องกันการกดทับของสายสะดือ

  • ทำหน้าที่เหมือนเบาะกันกระแทก ลดการกระทบกระเทือนจากภายนอก

  • มีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิด

ทารกกลืนน้ำคร่ำอันตรายไหม?

การกลืนน้ำคร่ำของทารก ไม่ใช่เรื่องอันตราย แต่เป็นพัฒนาการตามธรรมชาติ ทารกจะกลืนน้ำคร่ำประมาณ 500–1000 มิลลิลิตรต่อวัน เพื่อให้ระบบทางเดินอาหารทำงานและซ้อมการกลืน การหายใจ เมื่อคลอดออกมา ทารกจะสามารถปรับตัวและเริ่มหายใจเองได้ทันที [5]

ดังนั้น “ทารกกลืนน้ำคร่ำในครรภ์” ถือว่าเป็นกลไกที่ดีและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตค่ะ ต่างจากกรณี “ทารกสำลักน้ำคร่ำหลังคลอด” ซึ่งอาจเป็นอันตรายและต้องให้แพทย์ดูแลทันทีค่ะ

ทารกกลืนน้ำคร่ำอันตรายไหม

อาการ สำลักน้ำคร่ำ กับ สำลักขี้เทา เหมือนกันไหม?

สำลักน้ำคร่ำ กับ สำลักขี้เทา สองภาวะนี้ต่างกันแต่มีความสัมพันธ์กัน ดังนี้

  • สำลักน้ำคร่ำ: หมายถึง ลูกกลืนน้ำคร่ำเข้าไป แต่อาจไม่มีขี้เทา
  • สำลักขี้เทา: หมายถึง น้ำคร่ำที่ปนขี้เทา ลูกจึงกลืนทั้งน้ำคร่ำและขี้เทา ซึ่งเรียกว่า ภาวะสูดสำลักขี้เทา (Meconium Aspiration Syndrome: MAS)

สำลักขี้เทา อันตรายกว่า สำลักน้ำคร่ำธรรมดา เพราะเนื้อขี้เทาจะเหนียว เคลือบทางเดินหายใจได้ง่ายกว่า ทำให้เกิดปอดอักเสบหรือติดเชื้อต่าง ๆ ได้[1]

ภาวะสำลักน้ำคร่ำ เกิดขึ้นได้อย่างไร อันตรายไหม?

น้ำคร่ำ คือของเหลวที่ห่อหุ้มและปกป้องทารกในครรภ์ ระหว่างการคลอด โดยเฉพาะการคลอดที่ยาวนาน ทารกบางรายอาจเผลอหายใจหรือกลืนน้ำคร่ำเข้าไป ถ้าน้ำคร่ำมีสิ่งเจือปนเช่น ขี้เทา (meconium) ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น[4]

หากน้ำคร่ำสะอาดและปริมาณไม่มาก ส่วนใหญ่ทารกจะไม่มีปัญหา แต่น้ำคร่ำที่ปนเปื้อนขี้เทาจะเสี่ยงต่อการอุดกั้นในปอด ทำให้หายใจติดขัด ออกซิเจนต่ำ หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อในปอดได้

เคยมีงานวิจัยระบุว่า โอกาสเกิด MAS จะพบได้สูงขึ้นในทารกที่อายุครรภ์มากกว่า 41 สัปดาห์ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีสัญญาณขาดออกซิเจนขณะคลอด[2]

ภาวะสูดสำลักขี้เทาในเด็กแรกเกิด

ขี้เทา คืออุจจาระแรกของทารก ลักษณะเหนียว หนืด สีเขียวเข้ม หรือดำปนเขียว ไม่มีแบคทีเรียหรือกลิ่นเหม็น หากลูกขับถ่ายขี้เทาภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังคลอด ไม่เป็นอันตราย แสดงว่าระบบลำไส้ทำงานเป็นปกติ แต่หากขี้เทาช้าหรืออุดตัน ควรปรึกษาแพทย์ทันที[2]

กรณีทารกขับถ่ายขี้เทาตั้งแต่ในครรภ์ หรือสำลักออกมาก่อนคลอด จำเป็นต้องเฝ้าระวัง ขี้เทาจะปนลงในน้ำคร่ำ หากทารกหายใจหรือกลืนน้ำคร่ำนี้ก็จะเข้าสู่ปอด และเกิดภาวะสำลักขี้เทาได้[2]

 

ทารกกลืนน้ำคร่ำอันตรายไหม

 

ทารกในครรภ์ สำลักขี้เทา ได้อย่างไร?

เมื่อทารกขาดออกซิเจนในขณะอยู่ในท้อง มักจะเคลื่อนไหวรุนแรงจนมีการขับขี้เทาออกมา ขี้เทาจะไปเจือน้ำคร่ำ และหากลูกเริ่มหายใจหรือกลืนน้ำคร่ำเข้าไปก่อนคลอด (ช่วงต้นของการคลอด หรือขณะเครียด) ก็มีโอกาสสำลักขี้เทาเข้าปอด[2] ผลที่ตามมาคือปอดอาจอักเสบ อุดกั้น หายใจลำบาก และผิวเด็กเขียวคล้ำจากการขาดออกซิเจน

สาเหตุของการสำลักขี้เทาในทารกแรกเกิด

  • ทารกเครียดขณะคลอด ทำให้ขับขี้เทาออกมาเร็ว
  • น้ำคร่ำปนเปื้อนสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรค
  • หายใจเอาน้ำคร่ำเข้าไปในขณะยังไม่คลอดสนิท

ผลกระทบของการสำลักขี้เทาในทารกแรกเกิด

  • อุดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้หายใจหอบ หายใจลำบาก
  • ผิวหนังเขียวคล้ำ (เพราะขาดออกซิเจน)
  • เสี่ยงหัวใจเต้นผิดปกติ
  • หากปอดติดเชื้อ หรือขาดออกซิเจนนาน อาจมีผลต่อสมอง[2]

ปัจจัยเสี่ยง ทารกสำลักขี้เทา

ภาวะสูดสำลักขี้เทา (Meconium Aspiration Syndrome: MAS) หรือภาวะที่ ทารกสำลักขี้เทาปนกับน้ำคร่ำเข้าไปในทางเดินหายใจ ถือเป็นหนึ่งในภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในห้องคลอด แม้จะฟังดูน่ากังวล แต่หากได้รับการเฝ้าระวังและดูแลโดยทีมแพทย์ โอกาสหายหรือฟื้นตัวมีสูง โดยเฉพาะในกรณีที่อาการไม่รุนแรง เด็กส่วนใหญ่ที่หายใจลำบากแต่ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ มักอาการดีขึ้นภายใน 7–10 วันค่ะ[3]

เคล็ดลับลดความเสี่ยง: ควรฝากครรภ์และตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพราะแพทย์จะสามารถประเมินปัจจัยเสี่ยงและดูแลคุณแม่อย่างใกล้ชิดได้ค่ะ

 

ลูกสำลักน้ำคร่ำและกลืนขี้เทา รักษาหายไหม?

หากได้รับการรักษาเร็ว และอยู่ในความดูแลของแพทย์ โอกาสฟื้นตัวมีสูง อาการไม่รุนแรง เช่น หายใจหอบแต่ยังตอบสนองดี มักหายภายใน 7-10 วัน[3] กรณีรุนแรงอาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจหรือดูดเสมหะ ระยะเวลาฟื้นตัวต่างกันไปแล้วแต่ราย แต่มีเด็กจำนวนมากที่สามารถหายเป็นปกติได้ เนื่องจากปัจจุบันการแพทย์ก้าวหน้า โอกาสที่ลูกจะปลอดภัยมีมากกว่าที่คิดนะคะ

ไขข้อข้องใจกันแล้วนะคะ สำหรับคำถาม ทารกกลืนน้ำคร่ำอันตรายไหม? สรุปแล้ว ทารกกลืนน้ำคร่ำ มักไม่อันตรายหากไม่มีขี้เทาปน แต่ถ้าสำลักขี้เทาจะต้องได้รับการดูแลเฉพาะทางโดยทีมแพทย์ โอกาสฟื้นตัวสูงหากรักษาเร็ว การฝากครรภ์สม่ำเสมอ ช่วยลดความเสี่ยง หากคุณแม่หรือคุณพ่อมีความกังวลใจ ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อความสบายใจของทุกคนในครอบครัวค่ะ

 

อ้างอิง:

[1] https://www.tiktok.com/@drnoonchannel/video/7172195508331547905

[2] https://www.pobpad.com/ขี้เทา-อุจจาระแรกของทาร

[3] https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=69

[4] https://www.youtube.com/watch?v=WQ4l26SJYUA

[5] https://th.theasianparent.com/baby-choking-meconium-in-womb

[6] https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/lecturestopics/topic-review/6822/

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!