Moments of Love สัญญาณบอกรักของลูกแต่ละวัย ที่คุณอาจไม่เคยรู้
คุณแม่รู้ไหมคะว่าลูกน้อยกำลังบอกรักคุณแม่ทุกวันผ่านพัฒนาการที่น่ารัก สัญญาณบอกรักของลูกแต่ละวัย มีอะไรบอกบ้างนะ
ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย แต่ลูก ๆ ของเราก็มีวิธีแสดงความรักที่น่ารักและซื่อสัตย์ออกมาเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดที่ชัดเจนได้ แต่พฤติกรรมและภาษากายก็สามารถบอกเล่าความรู้สึกภายในของพวกเขาได้อย่างชัดเจน บทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปสำรวจ สัญญาณบอกรักของลูกแต่ละวัย ตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนถึงวัยรุ่น เพื่อให้คุณได้เข้าใจและชื่นชมความรักที่ลูกมีให้มากยิ่งขึ้น
สัญญาณบอกรักของลูกแต่ละวัย ที่หลายคนอาจไม่เคยสังเกต
ลูกน้อยกำลังบอกรักคุณแม่อยู่ทุกวัน ผ่านพัฒนาการที่น่ารักน่าเอ็นดู ที่บ่งบอกว่าลูกรักคุณแม่มากแค่ไหน ลองสังเกตสัญญาณเหล่านี้จากลูกน้อยดูค่ะ
-
สัญญาณบอกรักของทารกแรกเกิด
ในวัยทารกหรือเด็กเล็ก ลูกน้อยยังไม่สามารถใช้คำพูดในการสื่อสารได้ แต่พวกเขาจะสื่อสารความรักผ่านภาษากายและเสียงร้องไห้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตพฤติกรรมของลูกน้อยให้ดี เช่น
-
- สบตา การที่ลูกน้อยสบตาคุณพ่อคุณแม่บ่อยๆ เป็นการแสดงออกถึงความสนใจและความผูกพัน
- ยิ้ม รอยยิ้มของลูกน้อยคือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุด การที่ลูกน้อยยิ้มให้คุณพ่อคุณแม่บ่อยๆ เป็นสัญญาณว่าเขารู้สึกมีความสุขและปลอดภัยเมื่ออยู่ด้วย
- เสียงอ้อแอ้ เสียงอ้อแอ้ของลูกน้อยเป็นการสื่อสารแบบหนึ่ง พวกเขาพยายามที่จะพูดคุยและโต้ตอบกับคุณพ่อคุณแม่
- ชอบให้อุ้ม ลูกน้อยมักจะชอบให้อุ้ม เพราะการอยู่ในอ้อมกอดของคุณพ่อคุณแม่ทำให้ลูกน้อยรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
- ไม่ร้องไห้เมื่ออยู่ด้วย เมื่อลูกน้อยรู้สึกสบายใจและปลอดภัยเมื่ออยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ลูกก็จะไม่ร้องไห้บ่อยนัก
-
สัญญาณบอกรักของวัยหัดเดิน (1-3 ขวบ)
ช่วงวัยนี้ ลูกน้อยเริ่มมีความสามารถในการเคลื่อนไหวและสำรวจสิ่งรอบตัวมากขึ้น การแสดงออกถึงความรักของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไป เช่น
-
- ตามติด ลูกน้อยจะชอบตามติดคุณพ่อคุณแม่ไปทุกที่ เพราะเขาต้องการความใกล้ชิดและความอบอุ่น
- กอดและหอม การกอดและหอมเป็นการแสดงออกถึงความรักที่ง่ายที่สุดของเด็กวัยนี้
- ช่วยเหลือตัวเอง เมื่อลูกน้อยพยายามที่จะช่วยเหลือตัวเอง เช่น การหยิบช้อนมาตักข้าวเอง หรือการใส่เสื้อผ้าเอง นั่นเป็นการแสดงออกถึงความต้องการที่จะเป็นอิสระและความภาคภูมิใจในตัวเอง
- เลียนแบบพฤติกรรม เด็กวัยนี้มักจะชอบเลียนแบบพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่รอบข้าง การที่ลูกน้อยเลียนแบบพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่ก็เป็นการแสดงออกถึงความชื่นชมและความรักที่มีต่อทั้งคุณพ่อคุณแม่
-
สัญญาณบอกรักของวัยอนุบาล (3-5 ขวบ)
ในวัยนี้ ลูกน้อยเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น และสามารถสื่อสารความรู้สึกของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น เช่น
-
- พูดคำว่ารัก การที่ลูกน้อยพูดคำว่า “รัก” ออกมาตรงๆ เป็นการแสดงออกถึงความรักที่ชัดเจนที่สุด
- วาดรูปให้ ภาพวาดของลูกน้อยอาจจะดูไม่สมบูรณ์แบบ แต่สำหรับคุณพ่อคุณแม่แล้ว มันคือผลงานชิ้นเอกที่เต็มไปด้วยความรัก
- อยากให้เล่นด้วย การที่ลูกน้อยอยากให้คุณพ่อคุณแม่เล่นด้วยเป็นการแสดงออกถึงความต้องการที่จะใช้เวลาร่วมกัน
- แบ่งปันของเล่น การแบ่งปันของเล่นให้กับคนอื่นเป็นการแสดงออกถึงความเอื้ออาทรและความเห็นอกเห็นใจ
-
สัญญาณบอกรักของวัยเรียน (6 ขวบขึ้นไป)
วัยนี้ลูกน้อยเริ่มเข้าสังคมมากขึ้น และมีความรับผิดชอบมากขึ้น การแสดงออกถึงความรักของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไป เช่น
-
- มาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ การที่ลูกน้อยมาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้คุณพ่อคุณแม่ฟังเป็นการแสดงออกถึงความไว้วางใจและความผูกพัน
- ขอคำปรึกษา เมื่อลูกน้อยมีปัญหาอะไร เขาก็จะหันมาขอคำปรึกษาจากคุณพ่อคุณแม่
- แสดงความขอบคุณ การที่ลูกน้อยแสดงความขอบคุณเมื่อคุณพ่อคุณแม่ทำอะไรให้ลูกเป็นการแสดงออกถึงความซาบซึ้งใจ
- การช่วยเหลือ การที่ลูกน้อยช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ทำกิจกรรมต่างๆ ในบ้านเป็นการแสดงออกถึงความรักและความห่วงใย
เทคนิคในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกนั้นมีหลากหลายวิธี แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความรัก ความเข้าใจ และความใส่ใจ ที่เราให้แก่ลูกอย่างสม่ำเสมอ
1. ให้เวลากับลูก
- การใช้เวลาอยู่กับลูกเป็นสิ่งสำคัญ แต่การมีปฏิสัมพันธ์ที่แท้จริงและมีคุณค่าสำคัญกว่า การวางโทรศัพท์มือถือ เก็บงานชั่วคราว และมุ่งความสนใจไปที่ลูกอย่างเต็มที่ จะทำให้ลูกรู้สึกว่าเขามีความสำคัญ
- กิจกรรมหลากหลาย ไม่จำเป็นต้องเป็นกิจกรรมใหญ่โตเสมอไป กิจกรรมง่ายๆ เช่น การอ่านหนังสือด้วยกัน เล่นเกม ทำอาหาร หรือเพียงแค่คุยกัน ก็สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้
- ปรับตัวให้เข้ากับวัยของลูก กิจกรรมที่เหมาะสมกับเด็กวัยอนุบาล อาจไม่เหมาะกับเด็กวัยรุ่น การปรับเปลี่ยนกิจกรรมให้เข้ากับพัฒนาการของลูก จะทำให้ลูกสนุกและได้ประโยชน์มากขึ้น
2. สื่อสารอย่างเปิดใจ
- สร้างบรรยากาศ ควรสร้างบรรยากาศที่ลูกกล้าที่จะเปิดใจพูดคุยทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย
- ฟังอย่างตั้งใจ เมื่อลูกพูด ให้ฟังอย่างตั้งใจ ไม่ขัดจังหวะ และพยายามเข้าใจในมุมมองของลูก
- ถามคำถามเปิด แทนที่จะถามคำถามที่ตอบได้ด้วยคำว่า “ใช่” หรือ “ไม่” ให้ถามคำถามที่เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่าเรื่องราวและแสดงความคิดเห็น
- ใช้ “แม่ / พ่อ” แทน “ฉัน” การใช้ประโยคที่เริ่มต้นด้วย “แม่รู้สึก…” จะช่วยให้ลูกเข้าใจความรู้สึกของเรา และลดความรู้สึกที่จะถูกตำหนิลง
3. การชมเชย
- ชมเชยสิ่งที่ลูกทำ แทนที่จะชมลูกว่า “เก่งจัง” ให้ชมเชยในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการให้ลูกทำต่อไป เช่น “ลูกช่วยเก็บของเล่นเองได้เก่งมากเลย”
- เน้นความพยายาม แม้ว่าลูกจะยังทำไม่ได้ดีพอ แต่การชมเชยความพยายามของลูก จะช่วยให้ลูกมีความมั่นใจและกล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ
- หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบ การเปรียบเทียบลูกกับคนอื่นๆ อาจทำให้ลูกรู้สึกด้อยค่า
4. ให้กำลังใจ
- ยอมรับความรู้สึกของลูก เมื่อลูกผิดหวัง ให้ยอมรับความรู้สึกของลูก และบอกให้ลูกรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่ก็เข้าใจลูกนะ
- สอนให้ลูกเรียนรู้จากความผิดพลาด แทนที่จะตำหนิ ให้ช่วยลูกวิเคราะห์สาเหตุของความล้มเหลว และหาทางแก้ไขร่วมกัน
- ให้โอกาสลูก การให้โอกาสลูกได้ลองทำสิ่งเดิมใหม่อีกครั้ง จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและพัฒนาตนเองของลูกน้อยด้วย
5. แสดงความรักอย่างสม่ำเสมอ
- กอด หอม จูบ การแสดงความรักให้ลูกเห็นบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการกอด หอม หรือพูดคำว่ารัก เป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูก
- ใช้คำพูดที่แสดงความรัก บอกลูกบ่อยๆ ว่าคุณพ่อคุณแม่รักลูกนะ และภูมิใจในตัวลูกมาก
- ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน การให้ความสนใจลูกแบบเต็มที่ จะทำให้ลูกน้อยรู้สึกว่าเขามีความสำคัญ
6. เป็นแบบอย่างที่ดี
- ทำในสิ่งที่ต้องการให้ลูกทำ เด็กเรียนรู้โดยการเลียนแบบ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีในทุกๆ ด้าน
- แสดงความรับผิดชอบ สอนให้ลูกมีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น
- มีทัศนคติที่ดี ทัศนคติของคุณพ่อคุณแม่มีผลต่อทัศนคติของลูก ดังนั้น จงมีความคิดที่เป็นบวกและมองโลกในแง่ดีให้ลูกได้เห็น
สัญญาณบอกรักของลูกแต่ละวัย นั้นแตกต่างกันไป การที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจและตระหนักถึงสัญญาณเหล่านี้ จะช่วยให้สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกได้มากยิ่งขึ้น และทำให้ลูกน้อยรู้สึกปลอดภัยและมีความสุขเมื่ออยู่กับคุณพ่อคุณแม่ การเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนดี เป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด สิ่งสำคัญคือ การสร้างปฏิสัมพันธ์ที่เป็นบวก การสื่อสารอย่างเปิดใจ และการให้กำลังใจลูกอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ความสัมพันธ์ของเรากับลูกแข็งแกร่งยิ่งขึ้น การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกต้องใช้เวลาและความพยายาม ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ภายในชั่วข้ามคืน แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ทำอย่างสม่ำเสมอและจริงใจ จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
ที่มา : babycenter
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
10 สัญญาณที่บ่งบอกว่า พ่อแม่เลี้ยงลูกถูกทาง รู้แบบนี้สบายใจได้เลย!
วิธีเลี้ยงลูกให้มี Self-esteem ไม่ยอมให้ใครรังแก และไม่เอาเปรียบใคร
วิจัยเผย เลี้ยงลูกใกล้ชิดธรรมชาติ ลูกสุขภาพจิตดี อารมณ์ดี! ไม่เป็นซึมเศร้า