อาการปากแห้ง สัญญาณเตือนจากร่างกายของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์

อาการปากแห้ง สัญญาณเตือนจากร่างกายของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ บางครั้งคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ก็ไม่รู้ตัวว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกาย ที่กำลังบอกคุณแม่ว่าร่างกายกำลังจะไม่โอเค หรือลูกน้อยในครรภ์ของคุณกำลังส่งสัญญาณเตือนบางอย่างให้คุณได้รู้ มาดูกันดีกว่าร่างกายของเรานั้นต้องการอะไร

 

อาการปากแห้งขณะตั้งครรภ์

อาการปากแห้ง เป็นหนึ่งในอาการปกติทั่วไปที่คุณแม่ตั้งครรภ์มักเป็นกัน โดยส่วนใหญ่มักจะเริ่มเป็นช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เรียกว่า อาการปากแห้ง หรือ Xerostomia ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์ ที่ทำให้เคมีในร่างกายของคุณแม่นั้นเปลี่ยนแปลง ตามปกติแล้วร่างกายของเราจะผลิตน้ำลายออกมาหล่อเลี้ยง และทำความสะอาดริมฝีปากของเราอยู่ตลอดเวลา ซึ่งน้ำลายนั้นช่วยย่อยอาหารและป้องกันแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย แต่เมื่อเราผลิตน้ำลายไม่เพียงพอ ปากของเราก็จะแห้งและรู้สึกไม่สบายบริเวณริมฝีปาก และมักจะแย่ลงในเวลากลางคืน นอกจากนี้คุณแม่ที่มี อาการปากแห้ง มักมีอาการคัดจมูก ปวดศีรษะ ร่วมด้วย

 

สาเหตุของอาการปากแห้งระหว่างตั้งครรภ์

ปากแห้ง จากการทานยา

  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด อาการปากแห้งเป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยจากยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ หรือยาที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ ยาเหล่านี้ ได้แก่ ยาแก้ซึมเศร้า ยาขยายหลอดลม ยาขับปัสสาวะ และอื่น ๆ แม้ว่าปัญหานี้อาจสร้างความรำคาญและความเป็นกังวลให้คุณแม่ แต่คุณแม่ต้องไม่หยุดรับประทานยาที่แพทย์จ่ายให้ในระหว่างที่คุณตั้งครรภ์ เว้นแต่แพทย์จะแนะนำเป็นอย่างอื่น

 

  • การขาดน้ำ แม้ว่าคุณจะรับน้ำ 8 แก้ว เป็นประจำทุกวัน (ปริมาณที่เพียงพอสำหรับคนปกติ) แต่คุณอาจพบว่าตัวเองขาดน้ำ ในการตั้งครรภ์ร่างกายของผู้หญิงต้องการน้ำมากขึ้น เพื่อให้ตัวเองแข็งแรงขึ้นเช่นกัน เพื่อพัฒนาการที่แข็งแรงของทารก บางครั้งการขาดน้ำอาจทำให้ปากแห้งในการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปสู่ความพิการแต่กำเนิด หรือการคลอดก่อนกำหนดของลูกน้อยในครรภ์ได้อีกด้วย ดังนั้นเพิ่มการดื่มน้ำของคุณแม่และการดูแลลูกน้อยของคุณให้ปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญ

 

  • ปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้น ปริมาณการไหลเวียนของเลือดในร่างกายของผู้หญิงจะเพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ โดยมีปริมาณสูงสุดสูงกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อปริมาณเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น ไตของคุณจะทำงานล่วงเวลาส่งผลให้อัตราการขับปัสสาวะเพิ่มขึ้นและนำไปสู่ภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจทำให้ปากแห้ง

 

  • การเพิ่มอัตราการเผาผลาญ กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อย่อยอาหารสำหรับคุณแม่และคุณลูก หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่คุณแม่จำเป็นจะต้องใช้พลังงานสูง ทำให้ร่างกายมักใช้น้ำอยู่ตลอดเวลา และคุณก็จำเป็นจะต้องทานน้ำให้เพียงพอ หาไม่ได้รับปริมาณน้ำที่มากพอก็สามารถนำไปสู่อาการปากแห้งได้

 

  • ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่สัมผัสริมฝีปาก ปากลอก อาทิเช่น ลิปสติก และลิปบาล์ม ที่มีสารทำให้ปากแห้ง โดยเฉพาะลิปบาล์ม ที่เป็นตัวดูดความชุ่มชื้นของริมฝีปาก หรืออาจจะเป็นพวกยาต่าง ๆ เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก หรือยาจำพวกความดัน ที่มีผลข้างเคียงทำให้ปากแห้ง เป็นต้น

 

  • การเลียริมฝีปาก จริงอยู่ที่การเลียปากทำให้ปากหายแห้งได้ แต่เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังจากที่ความชื้นละลายไปหมดแล้ว ริมฝึปากจะกลับมีความแห้งมากขึ้น เพราะเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ในการช่วยย่อยอาหารในน้ำลาย จะทำให้ริมฝีปากของคุณแห้ง ดังนั้น การเลียริมฝีปากบ่อย ๆ จึงยิ่งทำให้ริมฝีปากนั้น แห้งมากขึ้น

บทความที่น่าสนใจ : ปากแห้ง เกิดจากอะไร ?? ใครว่าปากแห้งเกิดจากการขาดน้ำเพียงอย่างเดียว

 

อาการปากแห้ง อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนได้

  1. เบาหวานขณะตั้งครรภ์ โรคที่คุณแม่มักประสบพบเจอเมื่อตั้งครรภ์ถ้าดูแลตัวเอง และทานอาหารได้ไม่ดีมากพอ ซึ่งบางครั้งโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์อาจเป็นสาเหตุของความแห้งกร้านของปาก มีสาเหตุมาจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำในร่างกายลดลง และทำให้คุณแม่ปัสสาวะบ่อยขึ้น หากคุณเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์คุณอาจรู้สึกกระหายน้ำ ปวดแสบ ปวดร้อนในปากริมฝีปาก ฯลฯ
  2. โรคโลหิตจาง นอกจากอาการปากแห้งแล้ว คุณแม่บางท่านอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น คอแห้ง มีบาดแผลที่มุมริมฝีปาก และรู้สึกแสบร้อนที่ลิ้น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณของโรคโลหิตจาง เมื่อพบอาการเหล่านี้คุณควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ของคุณ และจะต้องได้รับการรักษาทันที เพื่อให้คุณหมอตรวจว่าคุณและลูกน้อยจะปลอดภัยดี
  3. ความดันโลหิตสูง เมื่อวามดันโลหิตคุณเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน มักจะมีอาการปากแห้งและปวดศีรษะอย่างรุนแรงอาจ เนื่องจากความดันโลหิตที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อสุขภาพของคุณและลูกน้อย ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเช่นเดียวกัน

 

วิธีรักษาอาการปากแห้งระหว่างตั้งครรภ์

ความจริงแล้วอาการปากแห้งนั้นเป็นอาการที่ไม่น่าเป็นห่วงมากนัก จึงไม่มีวิธีการรักษาแบบพิเศษ หรือไม่จำเป็นจะต้องทานยาอะไร เพียงแค่ให้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้นทานน้ำให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ประมาณวันละ 2-3 ลิตร วิธีนี้จะสามารถช่วยลดโอกาสที่จะอาการปากแห้งและป้องกันไม่ให้ร่างกายของคุณแม่ขาดน้ำได้

 

ปากแห้ง อาการขาดน้ำ แก้ด้วยการดื่มน้ำ

 

วิธีรับมือกับอาการปากแห้งขณะตั้งครรภ์

  1. ดื่มน้ำบ่อย ๆ คุณแม่ควรมีขวดน้ำอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา เพื่อจิบน้ำอยู่บ่อย ๆ นอกจากนี้ยังสามารถทานน้ำแข็งก้อนเล็ก ๆ ได้ เพื่อทำให้ปากนั้นชุ่มชื้นขึ้น และลดอาการปากแห้งลงได้
  2. พยายามไม่หายใจทางปาก และหายใจทางจมูกแทน (ถ้าไม่มีอาการคัดจมูก หรือเป็นหวัด) การหายใจทางปากจะทำให้น้ำบริเวณริมฝีปากระเหย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการปากแห้งได้
  3. อบไอน้ำ ทำทรีทเมนต์ หรือการสูดไอน้ำเข้าสู่ร่างกายเป็นเวลา 20 นาทีต่อวัน จะช่วยปกป้องความแห้งของผิว และระบบการทำงานภายในร่างกายได้
  4. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือกาแฟในระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากอันตรายอื่น ๆ แล้ว ยังสามารถทำให้ร่างกายขาดน้ำได้อีกด้วย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยง
  5. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ในระหว่างตั้งครรภ์ การสูบบุหรี่เป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้อาการคอแห้ง นอกจากนี้ยังมีพิษต่อร่างกายและเด็กในครรภ์ ควรเลิกสูบบุหรี่โดยสิ้นเชิงระหว่างตั้งครรภ์
  6. คุณสามารถใช้เครื่องเพิ่มความชื้น หรือเครื่องพ่นไอน้ำภายในห้องนอนได้ หากคุณรู้สึกว่าอากาศในห้องแห้งเกินไป หรือบริเวณที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่แห้ง
  7. เคี้ยวหมากฝรั่ง (ควรปราศจากน้ำตาล) เนื่องจากการเคี้ยวกระตุ้นการผลิตน้ำลาย
  8. ปฏิบัติสุขอนามัยในช่องปากที่ดี แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันในตอนเช้า กลางคืนและหลังอาหารทุกมื้อ แม้ว่าจะดูมากเกินไป แต่ข้อควรระวังเหล่านี้ก็เป็นสิ่งสำคัญ
  9. ดื่มน้ำมะพร้าวอ่อน ๆ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ และยังมีอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte) ที่สามารถปรับสมดุลของบัฟเฟอร์ (Buffer) ในเลือดของคุณ
  10. ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและสมดุล ซึ่งประกอบด้วยผักสีเขียว เมล็ดธัญพืช ถั่วและเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง เพราะอาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกิดอาการบวมได้

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณแม่จะพบกับอาการปากแห้ง หรืออาการอื่นๆ ที่รู้สึกผิดปกติกับร่างกายในขณะที่ตั้งครรภ์ ก็ควรที่จะเข้าพบแพทย์ในทันที เพื่อทำการตรวจและรักษาให้ทันเวลา ก่อนที่จะนำไปสู่ความเป็นอันตรายที่สามารถส่งผลทั้งตัวคุณแม่ และลูกน้อยในครรภ์ได้ อีกทั้งคุณแม่ควรไปตามที่แพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ และสามารถของคำปรึกษาคุณหมอได้ตลอด เพื่อสุขภาพที่ดี และความสมบูรณ์ของเด็ก ๆ ที่กำลังจะลืมตามาสู่โลกในไม่ช้านี้นะคะ

 

บทความอื่น ๆ ที่คุณอาจจะสนใจ : 

ลิปบาล์ม ดีอย่างไร? บำรุงผิวปาก เรียกคืนความชุ่มชื้น ไม่มีสารเคมี

15 ประโยชน์ของลิปมัน สารพัดเรื่องรอบตัวที่ไม่ได้มีดีแค่ความชุ่มชื้น!

ลิปสติกคนท้อง ที่ดีที่สุด เลือกแบบไหนจะปลอดภัยต่อคุณแม่และลูกน้อย

ที่มา : 1, 2, 3

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!