แคลเซียม ป้องกันครรภ์เป็นพิษ ได้จริงไหม? คนท้องต้องกินแคลเซียมเท่าไหร่?
คนท้องดื่มนม เสริมแคลเซียม ป้องกันครรภ์เป็นพิษ ได้จริงหรือ? งานวิจัยชี้แคลเซียมช่วยลดเสี่ยงได้ถึง 51% พร้อมปริมาณที่ WHO แนะนำ
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ คำถามยอดฮิตที่มักกังวลใจคือ ภาวะครรภ์เป็นพิษ” (Preeclampsia) แคลเซียม ป้องกันครรภ์เป็นพิษ ได้จริงไหม? คนท้องต้องกินแคลเซียมเท่าไหร่? บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลล่าสุดทางการแพทย์และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสรุปความสัมพันธ์ที่แท้จริงของ นม แคลเซียม และการลดความเสี่ยงครรภ์เป็นพิษ มาเพื่อเป็นข้อมูลให้คุณแม่แล้วค่ะ
แคลเซียม ป้องกันครรภ์เป็นพิษ ได้จริงไหม?
ในวงการแพทย์มีการถกเถียงและศึกษาเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน จนกระทั่งปัจจุบันมีหลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจนว่า การได้รับแคลเซียมที่เพียงพอ “ช่วยลดความเสี่ยงครรภ์เป็นพิษได้จริง”
งานวิจัยล่าสุดพบว่า การเสริมแคลเซียมทั้งในรูปแบบเม็ดและจากนมวัว สามารถช่วยลดโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษได้ถึง 51% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับแคลเซียมเสริม[5] โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่พื้นฐานเดิมได้รับแคลเซียมจากอาหารน้อยอยู่แล้ว เช่น บริโภคน้อยกว่า 900 มก. ต่อวัน จากการไม่ชอบดื่มนมหรือแพ้นม[1][4]
การได้รับแคลเซียมที่เพียงพอยังสัมพันธ์กับการลดอัตราการเสียชีวิตของมารดา ลดภาวะคลอดก่อนกำหนด และลดปัญหาแทรกซ้อนของทารกแรกเกิดอีกด้วย[1][2][5][6]
แคลเซียม ป้องกันความดันโลหิตสูงได้อย่างไร?
หลายคนอาจสงสัยว่าแคลเซียมที่ช่วยเรื่องกระดูก ไปป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงในคนท้องได้อย่างไร คำอธิบายทางการแพทย์ ระบุว่า เมื่อร่างกายคุณแม่มีระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ ร่างกายจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ และสารเรนิน [6]
ผลที่ตามมาคือ มันจะไปเพิ่มแคลเซียม ภายในเซลล์กล้ามเนื้อเรียบ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบที่ผนังหลอดเลือดเกิดการหดตัว เมื่อหลอดเลือดทั่วร่างกายหดตัว ความต้านทานในหลอดเลือด ก็จะสูงขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นตามไปด้วย[6]
ดังนั้น การได้รับแคลเซียมเสริมอย่างเพียงพอ จึงเข้าไปตัดวงจรนี้โดยตรง เมื่อแคลเซียมในเลือดพอดี ฮอร์โมนพาราไทรอยด์ก็ไม่ถูกกระตุ้น การหดตัวของหลอดเลือดจึงลดลง ความดันโลหิตก็ไม่สูงขึ้น นอกจากนี้ แคลเซียมที่เพียงพอยังช่วยให้กล้ามเนื้อมดลูกคลายตัว ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงภาวะคลอดก่อนกำหนดได้อีกทางหนึ่ง[6]
ต้องกินแคลเซียมเท่าไหร่? ปริมาณที่เหมาะสมและข้อถกเถียง
แคลเซียม ป้องกันครรภ์เป็นพิษ ต้องกินเท่าไหร่? โดยปกติ หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรมีความต้องการแคลเซียมประมาณ 1,200 มก. ต่อวัน[6]
องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงได้ให้คำแนะนำที่ชัดเจนว่า ในพื้นที่หรือชุมชนที่ประชากรบริโภคแคลเซียมต่ำ (ซึ่งรวมถึงหลายพื้นที่ในเอเชียและไทย) หรือในสตรีที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดครรภ์เป็นพิษ ควรได้รับแคลเซียมเสริมในปริมาณ 1,500–2,000 มก. ต่อวัน โดยให้เริ่มตั้งแต่อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ไปจนถึงคลอด[3]
อย่างไรก็ตาม ในทางการแพทย์ยังคงมีการถกเถียงเรื่องปริมาณที่ดีที่สุดอยู่บ้าง เนื่องจากมีบางแนวทาง (เช่น ACOG) ที่แนะนำปริมาณ 800-1,000 มก.[6] และที่น่าประหลาดใจคือ มีงานวิจัยใหม่ที่ชี้ว่า แม้แต่การเสริมแคลเซียมในขนาดต่ำ (เช่น 500 มก./วัน) ก็อาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันครรภ์เป็นพิษและการคลอดก่อนกำหนดได้ดี เทียบเท่ากับการใช้ขนาดสูงตามที่ WHO แนะนำ[2]
เคล็ดลับการกินแคลเซียมให้ได้ผลสูงสุด
ไม่ว่าจะเลือกรับแคลเซียมจากแหล่งใด มีเคล็ดลับที่ควรทราบดังนี้:
- แบ่งโดสเพื่อการดูดซึม: ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมปริมาณสูงๆ ในครั้งเดียวได้ดีนัก หากต้องทานแคลเซียมเสริม 1,500 มก. ควรแบ่งเป็น 3 มื้อ มื้อละ 500 มก. พร้อมอาหาร (ร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุดไม่เกิน 500 มก. ต่อครั้ง)[6]
- แยกเวลากับธาตุเหล็ก: นี่คือข้อควรระวังที่สำคัญที่สุด แคลเซียมจะรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็ก (ยาบำรุงเลือดที่หมอให้มา) ควรกินยาสองชนิดนี้ห่างกันอย่างน้อย 2–3 ชั่วโมง[3]
- วิตามินดีคือคู่หู: ร่างกายต้องการวิตามินดี เพื่อช่วยในการดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้[6]
- รู้จักแคลเซียม: นมวัว 1 แก้ว (ประมาณ 250 มล.) จะมีแคลเซียมประมาณ 290 มก.[6]
- อย่ากินมากเกินไป: แม้จะดี แต่ WHO แนะนำว่าไม่ควรบริโภคเกิน 3,000 มก./วัน เพราะอาจเสี่ยงต่อนิ่วในทางเดินปัสสาวะ หรือไปลดการดูดซึมแร่ธาตุจำเป็นอื่นๆ เช่น สังกะสีและแมกนีเซียม[6]
นมโปรไบโอติก: อีกหนึ่งทางเลือกเสริมภูมิคุ้มกัน
นอกจากการเน้นแคลเซียมจากนมวัวทั่วไปแล้ว ข้อมูลใหม่ยังชี้ว่า “นมโปรไบโอติก” เช่น นมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์ดี อาจช่วยลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ระหว่างตั้งครรภ์ และช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันในลำไส้ของคุณแม่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อไปยังภูมิคุ้มกันของลูกในครรภ์ด้วย โดยแนะนำให้เริ่มทานตั้งแต่ไตรมาส 2 หรือ 3 และควรเลือกสูตรน้ำตาลต่ำ
ประโยชน์อื่นๆ ของแคลเซียม
นอกจาก แคลเซียม ป้องกันครรภ์เป็นพิษ แล้ว การศึกษาจำนวนมากยังยืนยันว่า การเสริมแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอ ยังช่วยลดอาการ “ตะคริวที่ขา” ซึ่งเป็นปัญหากวนใจคุณแม่ตั้งครรภ์จำนวนมากได้อย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย[6]
สรุป
การดูแลโภชนาการโดยเน้นการบริโภคนมและแคลเซียมให้เพียงพอ ไม่ว่าจะจากอาหาร เช่น นม โยเกิร์ต ผักใบเขียว ปลาเล็กปลาน้อย หรือจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ช่วยลดโอกาสเสี่ยงครรภ์เป็นพิษและความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์หรือสูตินรีแพทย์ผู้ดูแล เพื่อประเมินความเสี่ยงและรับคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณแคลเซียมที่เหมาะสมกับตนเองก่อนเสมอ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ติ่งเนื้อตอนท้อง ภัยร้าย หรือเรื่องปกติ? ปัญหาผิว! ที่แม่ตั้งครรภ์ต้องเข้าใจ
ประกันคนท้อง ประกันคลอดบุตร ที่ไหนดี? ปี 2568
13 ผลไม้ต้องห้าม! คนท้องห้ามกินผลไม้อะไร ทำไมห้าม? ส่งผลยังไงต่อการตั้งครรภ์
แหล่งที่มาอ้างอิง:
[1] https://www.frontiersin.org/journals/medicine/articles/10.3389/fmed.2025.1434416/full
[3] https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC4785477/
[4] https://www.aafp.org/pubs/afp/issues/2015/1001/p570.html
[5] https://obgyn.onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/1471-0528.17222
[6] https://www.facebook.com/photo.php?fbid=122933409090377&id=102665341117184&set=a.102721207778264

