5 ความเชื่อเดิมๆ ที่ไม่ปลอดภัยกับทารก
5 ความเชื่อเดิมๆ ที่ไม่ปลอดภัยกับทารก
สารพัดความเชื่อแบบเดิม ๆ ที่เคยได้เรียนรู้จากประสบการณ์และคำแนะนำบางอย่างของผู้ใหญ่นั้น ในปัจจุบันอาจใช้ไม่ได้ เพราะความเชื่อบางอย่างอาจส่งกระทบกับความไม่ปลอดภัยของลูกน้อย ซึ่งอาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตามคำแนะนำของกุมารแพทย์ ในกรณีนี้พ่อแม่บางคนอาจประสบปัญหาที่ต้องขัดใจผู้ใหญ่ แต่หากมีเหตุผลที่ถูกต้องเพื่ออธิบาย เชื่อว่าผู้ใหญ่ยุคนี้ย่อมเข้าใจพ่อแม่ในการเลี้ยงลูกยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี
การให้น้ำทารกแรกเกิด
เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวทารกเสียชีวิตในอเมริกาเพราะอาการน้ำเป็นพิษ อันเนื่องมาจากมารดาของเด็กไม่มีน้ำนมเพียงพอและทางครอบครัวก็ไม่มีกำลังที่จะซื้อนมผงสำหรับเด็ก ดังนั้นจึงได้เจือนมแม่ด้วยน้ำและป้อนให้กับทารกได้กิน มันเป็นกรณีร้ายแรงที่ทำให้เห็นว่าน้ำสามารถส่งผลร้ายให้เด็กทารกได้แค่ไหน ซึ่งในนมแม่ก็มีน้ำในปริมาณที่ลูกจำเป็นต้องได้รับอยู่แล้ว
เด็กทารกที่อายุน้อยกว่า 6 เดือนจึงยังไม่ต้องจำเป็นต้องดื่มน้ำเพิ่มเติมจากนมแม่ หลังจากนั้นคุณแม่ก็สามารถให้ลูกดื่มน้ำเปล่าได้ ในปริมาณที่ไม่เกิน 60-120 มิลลิลิตรต่อวัน และหลังจากหนึ่งขวบก็ให้ลูกได้ดื่มนมควบไปกับมื้ออาหารและดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหาร ยกเว้นในกรณีที่ทารกน้อยมีการสูญเสียน้ำจากอาการท้องเสีย หรืออาเจียน โดยต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของกุมารแพทย์
การทาแป้งเด็ก
เรามักจะใช้แป้งเด็กมาทาตัวปะแป้งให้ลูกน้อยหลังอาบน้ำ เพราะเข้าใจว่าแป้งเด็กจะช่วยปกป้องจากผดผื่นคัน ช่วยให้ผมของทารกแห้งหลังอาบน้ำหรือช่วยให้บริเวณก้นและขาหนีบแห้งในตอนเปลี่ยนผ้าอ้อม ซึ่งจริง ๆ แล้วการทาแป้งไม่จำเป็นสำหรับลูกน้อยเลย สิ่งที่ควรทำคือการใช้ผ้าเช็ดตัวลูกให้แห้ง
แป้งเด็กไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับทารกเท่านั้น แต่มันยังไปไม่ปลอดภัยอีกด้วย เพราะแป้งเด็กที่มีส่วนผสมของทัลคัม เมื่อทารกสูดหายใจเข้าไป อาจส่งผลทำให้เกิดปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจได้
อาบน้ำลูกโดยใช้น้ำร้อนจัด
ความเชื่อของคนเฒ่าคนแก่ที่ว่าให้อาบน้ำทารกน้อยด้วยน้ำที่ร้อนจัด ๆ เพราะเชื่อว่ามันจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดต่าง ๆ ของร่างกายที่สะสมมา และช่วยให้นอนหลับดีขึ้น แต่จริง ๆ แล้วการใช้วิธีนี้อาจทำให้ผิวของทารกเป็นแผลพุพองจากการอาบน้ำที่ร้อนจัดและมันยังอาจลวกผิวลูกอีกด้วย
การอาบน้ำให้ลูกน้อยควรจะใช้น้ำอุ่นในอุณหภูมิที่เหมาะสมคือระหว่าง 37-38 องศาเซลเซียส หากไม่รู้ว่าอุณหภูมิน้ำอุ่นแค่ไหน ก่อนอาบน้ำลูกให้ลองใช้ข้อศอกจุ่มทดสอบอุณหภูมิน้ำดูว่าอุ่นสบายพอเหมาะหรือไม่ การอาบน้ำอุ่นจะช่วยให้ทารกรู้สึกกระชุ่มกระชวย และช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดที่ผิวหนังทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ร่างกายอบอุ่นและมีภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ เช่น โรคภูมิแพ้ หริอโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ และป้องกันการเป็นหวัดด้วย
การให้เสริมอาหารด้วยนมวัว
กุมารแพทย์ได้ให้คำแนะนำว่า ในช่วง 6 เดือนแรก ทารกควรจะได้รับนมแม่อย่างเต็มที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนากรที่ครบถ้วน โดยไม่ต้องเสริมนมอย่างอื่น ยกเว้นเสียแต่ในกรณีที่นมแม่ไม่เพียงพอ ทำให้น้ำหนักของทารกไม่อยู่ในเกณฑ์ หรือมีความจำเป็นที่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ ก็ควรใช้นมสูตรสำหรับทารกเท่านั้น
ให้ทารกนอนในเปลญวน
เปลผ้าขาวม้าหรือเปลญวนที่ผู้ใหญ่สมัยก่อนมักใช้นอนแกว่งไกวกันมานาน และนำมาใช้เพื่อทำเปลนอนให้เด็ก ข้อดีคือ เมื่อทารกนอนในเปลที่โอบรัดตัวทารกน้อยไว้อย่างแนบแน่น จะทำให้เด็กรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ในท้องแม่ และการเคลื่อนไหวของเปลในขณะที่ไกวอยู่จะช่วยกล่อมให้ลูกนอนหลับง่าย อย่างไรก็ตาม ในเด็กเล็ก ๆ มักมีอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ หากในขณะนอนในเปลแล้วไม่มีคนดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะจมูกของลูกอาจถูกปิดโดยผ้าเปล ซึ่งอาจส่งผลเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจได้
การให้ทารกนอนเปล ควรใช้เปลที่เป็นผ้าฝ้ายเพื่อที่สามารถหายใจผ่านได้สบาย ๆ และไกวเปลอย่างแผ่วเบา นุ่มนวลเพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะไม่ทำให้ศีรษะของลูกน้อยต้องไปชนกับอะไร และควรดูแลอยู่ใกล้ ๆ เสมอในขณะที่ลูกนอนเปล ส่วนในตอนกลางคืนเพื่อความปลอดภัยหลังลูกหลับแล้วควรอุ้มมานอนบนเตียงทุกครั้ง