5 พฤติกรรมที่พ่อแม่ไม่ควรทำลายคุณค่าของลูก

5 พฤติกรรมที่พ่อแม่ไม่ควรทำลายคุณค่าของลูก
พ่อแม่ทุกคนปรารถนาที่จะเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กเข้มแข็ง มั่นใจ และมีอิสระ แต่คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมว่า บางการกระทำ บางคำพูดนั้น อาจเป็นผลเสียต่อลูกมากกว่าจะเป็นผลดี 5 พฤติกรรมต่อไปนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจทำลายคุณค่าในตัวเองของลูกอย่างคาดไม่ถึง

1. พูดว่ามันเป็นเรื่องง่าย
ผู้ใหญ่ทุกคนล้วนผ่านจุดที่ลูกกำลังยืนอยู่มาแล้วทั้งนั้น ดังนั้น เมื่อลูกของคุณเริ่มสนใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ คุณจะรู้สึกดีมากและพร้อมจะให้การสนับสนุน เมื่อลูกกำลังสนใจ มุ่งมั่นอยู่กับกิจกรรมใดๆ เขาจะทำมันซ้ำๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ ยกตัวอย่างการติดกระดุมเสื้อ เขาจะง่วนกับการติดกระดุม แต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่ต้องการ พอเขาเริ่มโวยวาย หงุดหงิด คุณแม่ก็พยายามที่จะกระตุ้นให้ลูกพยายามต่อไป โดยบอกว่า “พยามยามหน่อยสิจ๊ะ ลูกต้องทำได้ มันง่ายจะตาย”
คุณแม่รู้ไหมคะว่า คำพูดของคุณแม่กำลังทำลายคุณค่าในตัวเองของลูก เพราะในใจของลูกนั้นคิดว่า “พ่อแม่บอกว่า มันเป็นเรื่องง่าย แต่ฉันมันโง่ เพราะว่าฉันทำไม่ได้”
ทำแบบนี้ดีกว่า คุณแม่ควรพูดว่า “ใช่จ้ะมันยาก แต่แม่รู้ว่าหนูทำได้” การพูดเช่นนี้เป็นการสนับสนุนสิ่งที่ลูกกำลังทำ และเพิ่มความมั่นใจให้กับลูก เมื่อลูกสามารถทำได้ เขาจะเข้าใจว่า “นี่ไง ฉันทำได้แล้ว ถึงมันจะยาก ฉันแค่ต้องพยายามหน่อย”

2. พูดว่าสิ่งที่เขาฝัน มันเป็นไปไม่ได้
คุณรู้ดีว่า ฝันของเด็กๆ ที่อยากโตขึ้นไปเป็นนักบินอวกาศ เจ้าหญิง หรือซูเปอร์สตาร์ นั้นไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นได้ คุณแม่จึงพยายามที่จะพาลูกออกจากโลกแห่งความฝัน และสิ่งที่เขาคาดหวัง เพื่อปกป้องลูกจากความผิดหวังในอนาคต แต่เมื่อคุณแม่บอกกับลูกว่า สิ่งที่เขาฝันมันเป็นไปไม่ได้ ในใจของลูกก็จะได้ยินว่า “ลูกทำไม่ได้หรอก”
ทำแบบนี้ดีกว่า คุณแม่ควรสนับสนุนลูก แม้จะรู้ว่า ฝันของลูกอาจไม่มีวันเป็นจริง แต่ใช่ว่าไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลย แทนที่จะปฏิเสธความฝันลูก ทำไมไม่ลองหาข้อมูลแล้วนำมาบอกเล่าให้ลูกฟังว่า การจะเป็นอย่างที่ลูกใฝ่ฝัน มีขั้นตอนที่ลูกต้องทำอย่างไรบ้าง การทำเช่นนี้จะช่วยให้ลูกรับรู้ว่า ความฝันของเขาสามารถเป็นจริงได้ หากเขาความมุ่งมั่น และพยายาม

3. วิจารณ์รูปร่างหน้าตาของตัวเอง
จากประสบการณ์ของคุณ คุณแม่รู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนที่ถูกคนอื่นวิจารณ์รูปร่างหน้าตาของเรา คุณจึงพยายามที่จะพูดแต่สิ่งดีๆ กับลูกว่าลูกนั้นน่ารักเสมอในสายตาของแม่ แต่คุณอาจลืมไปว่า ลูกนั้นเลียนแบบและทำตามพฤติกรรมของพ่อแม่เสมอ
แม้คุณจะพูดว่าลูกนั้นดีแค่ไหน แต่หากคุณยังบ่นกับตัวเองเสมอว่า “ทำไมฉันถึงอ้วนอย่างนี้นะ ฉันชักจะเหมือนช้างเข้าไปทุกทีแล้ว” ลูกก็จะจดจำความรู้สึกเชิงลบเหล่านั้นเช่นกัน
ทำแบบนี้ดีกว่า คุณแม่ควรสอนลูกให้มั่นใจและภูมิใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง ด้วยการชื่นชมรูปร่างหน้าตาของตัวคุณแม่เองก่อน ทำให้ลูกเห็นว่า คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่สำคัญที่คุณดูแลตัวเองดีแค่ไหน

4. ชมลูกมากเกินไป
การชื่นชมลูกเป็นสิ่งที่ดี และยังช่วยทำให้ลูกเห็นคุณค่าในตัวเองลูกด้วย แต่ว่าหากคุณชมลูกมากเกินไปอาจได้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม เพราะอาจทำให้ลูกเหลิง และเสียโอกาสในการพัฒนาตนเอง เปรียบเหมือนดั่งน้ำที่เต็มแก้ว ไม่สามารถเติมอะไรเข้าไปได้อีก
งานวิจัยพบว่า เด็กที่ถูกชมว่ามีความพยายาม (ลูกตั้งใจทำข้อสอบมากเลย) แทนที่จะชมที่ตัวบุคคล (ลูกเก่งมากเลย) จะประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่า เนื่องจากพวกเขามีการเปิดรับโอกาสที่จะเข้ามามากกว่า และยิ่งไปกว่านั้น การได้รับคำชมบ่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติ คำชมนั้นจะไม่มีพลัง เด็กจะไม่รู้สึกว่าได้รับการเสริมแรงจากคำชมนั้นอีก
ทำแบบนี้ดีกว่า ควรชมลูก เวลาที่ลูกได้ใช้ความพยายามจริงๆ ในสิ่งต่างๆ

5. ช่วยลูกไปเสียทุกเรื่อง
พ่อแม่มักทำตัวเป็นเหมือนซูเปอร์แมน คอยปกป้องลูกจากความเจ็บปวด การถูกปฏิเสธ และความล้มเหลว แต่ถ้าอยากให้ลูกเติบโตเป็นเด็กเข้มแข็ง และมั่นใจ ต้องให้เขาได้เผชิญความท้าทายด้วยตัวของเขาเอง เมื่อไรก็ตามที่พ่อแม่พยายามเข้าไปแทรกแซง ช่วยแก้ปัญหาให้กับลูก ลูกก็จะไม่ได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของประสบการณ์ต่างๆ คุณแม่ควรปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะจัดการกับปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่ และหาทางแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ ด้วยตัวของเขาเอง
ทำแบบนี้ดีกว่า เมื่อลูกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก หรือทำผิดพลาด ควรสอนให้ลูกรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาตัดสินใจลงไป คุณแม่สามารถให้คำแนะนำแก่ลูกได้ แต่ต้องปล่อยให้เขาจัดการปัญหาด้วยตัวของเขาเอง
หากคุณแม่เห็นว่าคำแนะนำของเรามีประโยชน์ อย่าลืมแชร์บทความนี้ให้แก่คุณแม่ท่านอื่นๆ นะคะ