สอนลูกไว้ไม่เป็น โรคมารยาททางสังคมบกพร่อง แค่พูด "ขอโทษ"

ไม่ว่าจะโรคไม่รู้จักความลำบาก, โรคติดหรู และอีกหนึ่งโรคที่กำลังเกิดขึ้น คือ “โรคมารยาททางสังคมบกพร่อง” ที่กำลังขยายอยู่ในสังคมไทย ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่เท่านั้น แต่โรคเหล่านี้ระบาดส่งต่อจากรุ่นไปสู่รุ่นก็ได้
โรคมารยาททางสังคมบกพร่อง เพราะในสังคมที่มองว่าโลกเริ่มอยู่ยากขึ้นทุก ๆ ที ผู้คนร่ายล้อมรอบตัวเริ่มยิ้มให้กันน้อยลง มองดูเป็นมิตรกันน้อยลง การใช้ชีวิตในสังคม ก็ดูเหมือน ต่างคน ต่างไม่สนใจกันและกัน มีความเห็นแก่ตัวมากกว่าความเห็นใจกัน โรคแบบนี้น่าเป็นห่วง เพราะนาน ๆ ไปอาจกลายเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ ของสังคมซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการ ใช้ชีวิตของเรารวมถึงเด็ก ๆ ในอนาคตที่กำลังเติบโตขึ้นมาด้วย
“โรคมารยาททางสังคมบกพร่อง” เริ่มเกิดขึ้น และ ระบาดหนักขึ้นในสังคมไทย เห็นได้ชัดจากสังคมวัยทำงาน และ วัยรุ่น
อาการของโรคมารยาททางสังคมบกพร่อง
หลายคนอาจแสดงพฤติกรรมที่กลายเป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัว มีอาการอย่างไรมาดูกันค่ะ
ขั้นเริ่มแรก
คนที่เริ่มจะกลายเป็นโรคมารยาททางสังคมบกพร่อง เห็นได้จากการตอบสนอง และ การมีปฏิสัมพันธ์จากคนรอบข้างน้อยลง เช่น การทักทาย การขอบคุณ คำขอโทษ หรือ การแสดงความช่วยเหลือต่อคนอื่น ระบบประสาทของคนที่มีความรู้สึก ประเภทนี้จะมีความไวมาก ๆ เป็นพิเศษ หากเจอสิ่งเร้าในทางลบ หรือ สิ่งกระตุ้นที่ตนเองไม่พอใจ จะมีอาการตอบสนอง อย่างรุนแรงทันที เมื่อไม่ถูกใจ
ขั้นที่สอง
โรคมารยาททางสังคมบกพร่อง เกิดขึ้นได้กับบุคคลที่ไม่มีการแสดงออก ถึงมารยาทพื้นฐานทางสังคม เช่น การขอบคุณ การขอโทษ การตอบรับการทักทาย การยิ้ม การตอบคำถามทั่วไปในชีวิตประจำวัน หรือ การให้ความร่วมมือกับงานของส่วนรวม และ ไม่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ หรือ มีน้ำใจต่อผู้อื่น ๆ เท่าที่ควรจะเป็น หรือ ไม่คิดจะทำหากปราศจากผลประโยชน์ตอบแทน
คนที่เป็นโรคมารยาททางสังคมบกพร่องขั้นวิกฤติ จะมีอาการต่อต้านสังคมอย่างเห็นได้ชัด ความมี “เหตุ” และ “ผล” จะหายไป และ มีสัญชาตญาณของความเห็นแก่ตัวจะเข้ามาแทนที่ อาการที่แสดงออกอย่างเห็นได้ชัด คือมีหน้าตาที่บูดบึ้ง มีกริยาที่ก้าวร้าวต่อผู้ที่ทำดีกว่า บางคนมีท่าทีที่ดูแปลกผิดปกติ อันเกิดจากบุคลิกภาพที่เสื่อมไป เพราะคิดว่าตัวเองสำคัญเกินกว่าจะต้องลด ตัวเองลงไปทำดีกับใคร แต่จะต้องเป็นหน้าที่ของ คนรอบข้างที่จะต้องมาเอาใจตน และ สำคัญตนเองที่สุดจนมองว่า ไม่จำเป็นต้องเคารพกติกามารยาท หรือ ต้องมีกาละเทศะใด ๆ ในสังคม

สอนลูก ไว้ไม่ เป็น โรคมา รยาททาง สั งคมบ กพร่ อง แค่พูด “ข อโ ทษ”
วิธีป้องกันและการรักษา
1.หัดยิ้มให้คนรอบข้าง ด้วยความเป็นมิตร
2.หัดเอาใจเขามาใส่ใจเรา
3.หัดพูดคำว่า “ขอบคุณ ขอโทษ ไม่เป็นไร” อย่างจริงใจ
4.หัดเป็นผู้ให้ และ รู้จักให้อภัย
5.เปลี่ยนจากคำว่ายอม เป็นคำว่าเข้าใจ
เห็นอาการแบบนี้แล้วน่ากังวลใช่ไหมคะ คนเหล่านี้หากไม่ได้รับการรักษาก็อาจกลายเป็นคนที่สังคมรังเกียจ ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคม และ ใช้ชีวิตในสังคมอยู่ยาก แต่หากพบว่ามีความผิดปกติขั้นจริงจัง ควรจะรีบพบ และ ปรึกษาจิตแพทย์นะคะ เพื่อความสะบายใจของ คุณพ่อ คุณแม่ ด้วยนะ
สำหรับทางออกที่ดี กับลูกรัก นอกจากวิธีป้องกันที่ได้กล่าวข้างต้นแล้ว การเริ่มต้นสอนให้เด็ก ๆ รู้จักกับมารยาทพื้นฐาน อันได้แก่ การมีสัมมาคารวะ มีความสุภาพ อ่อนน้อม ความมีวินัย และ พฤติกรรมต่าง ๆ ที่ปรากฏแก่สายตาต่อผู้อื่น เพื่อให้เติบโตมาเป็นที่รัก และ คนที่ดีได้ในสังคมอนาคต.
ขอบคุณที่มา : www.scholarship.in.th
theAsianparent Thailand เชื่อว่าการศึกษาที่ดี จะช่วยเสริมสร้างรากฐานที่ดีให้ กับเด็ก เป็นการเริ่มต้นสร้างสภาะแวดล้อมในการเรียนรู้ได้อย่างสมวัย และ เป็นไปตามที่ คุณพ่อ คุณแม่ ต้องการการเลือกโรงเรียนให้ กับลูกคือหัวใจหนึ่งของการศึกษา เพราะการเลือกโรงเรียนตั้งแต่เนอสเซอรี่ การเลือกโรงเรียนอนุบาล เป็นด่านแรกที่จะช่วยเสริมสร้าง พัฒนาการให้กับลูกได้ เช่น มีหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หลักสูตรวิชาการที่พอดีกับการเรียนรู้ การใช้ Play Base Learning เพื่อเสริทสร้างพหุปัญญษทั้ง 8 ด้าน หรือ EF ที่ทำให้ลูกได้เรียนรู้ทั้ง Hard Skill และ Soft Skill อย่างสมดุลย์ เพราะการเรียนรู้ที่ดี สามารถเรียนรู้ได้ต่อเนื่องไม่จำกัด และ ทำให้เด็กค้นพบตัวตน และ มีความสุขกับการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
“โรคติดหรู” ผลกระทบจากการเลี้ยงลูกแบบวัตถุนิยม
เตือนพ่อแม่ระวังโรคใหม่ของเด็กไทย “โรคไม่รู้จักความลำบาก”!!