โครงการ Be Sure ให้ความรู้การคุมกำเนิด ผ่านร้านขายยาทั่วประเทศ

26 กันยายน ของทุกปี ถือเป็น “วันคุมกำเนิดโลก” ทางกรมอนามัยจึงได้สานต่อความร่วมมือกับบริษัท ไบเออร์ ต่อยอดโครงการ Be Sure ปรึกษาได้ มั่นใจชัวร์ ซึ่งเป็นโครงการให้ความรู้การคุมกำเนิด ผ่านร้านขายยาทั่วประเทศ โดยมีแนวคิดมาจากความต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูล และการปรึกษาเรื่องการวางแผนครอบครัวและวิธีการคุมกำเนิดที่ถูกต้องได้อย่างทั่วถึง ผ่านร้านขายยาที่ได้ผ่านการอบรมที่มีคุณภาพจากกรมอนามัย เพื่อลดการตั้งครรภ์ไม่พร้อม และการยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ปลอดภัย
ล่าสุดลุยอบรมเภสัชกรร้านยาที่เข้าร่วมโครงการไปแล้วกว่า 500 คน โดย ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ปัจจุบันหากจะพูดถึงการวางแผนครอบครัวไม่ได้หมายถึงกลุ่มคนวัยทำงานอย่างเดียวแต่ยังหมายถึงกลุ่มวัยรุ่นด้วย เนื่องจากขณะนี้พบว่าวัยรุ่นไทยมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น และอายุน้อยลงเรื่อยๆ โดยสถิติล่าสุดพบว่าปัจจุบันเด็กมัธยมปลายมีเพศสัมพันธ์แล้วถึง 1 ใน 3 ส่วนเด็กอาชีวะมีเพศสัมพันธ์แล้วถึงร้อยละ 40-50 เด็กกลุ่มนี้เกือบครึ่งหนึ่งมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้มีการป้องกันการตั้งครรภ์ และอีกเกือบร้อยละ 30 มีการใช้การคุมกำเนิดอย่างไม่สม่ำเสมอ โดยสาเหตุสำคัญที่ไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์คือ การขาดความรู้ความเข้าใจในการคุมกำเนิด และความเชื่อผิดๆ เช่น เชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์เพียงครั้งเดียวจะไม่ตั้งครรภ์ เป็นต้น ทำให้ส่วนหนึ่งเกิดปัญหาการตั้งครรภ์ตามมาเนื่องจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ส่งผลให้เด็กที่เกิดมาไม่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างมีคุณภาพเท่าที่ควร เนื่องจากความไม่พร้อมในหลายๆด้านของมารดา
โครงการนี้จึงพยายามกระจายความรู้ไปถึงวัยรุ่นไทยให้ได้ โดยเป็นการอบรมร้านขายยาเพื่อให้สามารถให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิดต่างๆได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นยาเม็ดคุมกำเนิด ถุงยางอนามัย หรือแม้แต่ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินหลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ที่มารดายังไม่มีความพร้อมในการเลี้ยงดูบุตร และเพื่อชะลอเวลาในการตั้งครรภ์และมีบุตรออกไปจนกว่าจะถึงเวลาที่มารดามีความพร้อม เพื่อให้เด็กที่เกิดมาได้รับการเลี้ยงดูอย่างมีคุณภาพ และสามารถสร้างคุณค่าประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป
“สำหรับผู้ใหญ่วัยทำงาน ปัจจุบันการเทคโนโลยีในการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิดเปลี่ยนไป มีเทคโนโลยีใหม่ๆมากขึ้น ในส่วนของประชาชนเองก็มีความรู้เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามผมยืนยันว่าในครั้งแรกควรจะไปพบแพทย์เพื่อให้ได้ทราบถึงการใช้ยาคุมที่เหมาะกับตนเอง เช่น หากคุณแพ้ยาคุมกำเนิดประเภท 1 คือ เอสโตรเจน กินแล้วอาเจียนมาก เราก็จะให้ยาคุมกำเนิดที่มีเอสโตรเจนต่ำลง แต่หากทานแล้วประจำเดือนไม่มา ก็ควรจะไปลดโปรเจสเตอเจนลง ก็จะมีวิธีการปรับยาให้เหมาะสมโดยความเห็นของแพทย์ และหลังจากนั้นไปก็สามารถไปใช้บริการตามร้านขายยาใกล้บ้านที่มีโลกโก้ Be Sure อยู่เขาก็จะสามารถแนะนำคุณต่อไปได้” อธิบดีกรมอนามัยกล่าวทิ้งท้าย
ทางด้าน ภญ.ช้องมาศ นิติศฤงคาริน นายกสมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ประเทศไทยพบว่าเป็นประเทศในเซาท์อีสเอเชียที่มีแม่อายุน้อยและจากการทำวิจัยพบว่าประชาชนไม่เข้าสู่โรงพยาบาล หรือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเพื่อขอรับความรู้ด้านการคุมกำเนิด และมักจะใช้บริการร้านขายยาเป็นหลักในการแก้ปัญหาตนเองเนื่องจากไม่เสียค่าใช้จ่าย สะดวก ไม่ต้องไปใช้บริการในเวลาราชการ ร้านขายยาจึงถือเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ตอนนี้จึงถือเป็นหน้าที่ของเภสัชกรชุมชนในการช่วยป้องกันปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันเภสัชกรจึงควรอบรมความรู้เพิ่มเติม ในเรื่องยาใหม่ๆและพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อให้ เข้าใจบริบทของการใช้ยาเพื่อการคุมกำเนิดอย่างถูกต้อง สิ่งเหล่านี้จึงถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล เภสัชกรชุมชน คณะกรรมการอาหารและยา และผู้ดำเนินการร้านยา ที่จะต้องพัฒนาให้เกิดจุดบริการเรื่องการคุมกำเนิดและโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ในร้านยา ให้มีประสิทธิผล เพราะเป็นจุดที่เข้าถึงประชาชนมากที่สุด จึงเป็นหน้าที่ของสมาคมฯ ที่จะส่งเสริมเรื่องทักษะในการให้บริการด้านคุมกำเนิดอย่างวิชาชีพ โครงการนี้จึงถือเป็นโครงการที่ร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยภาครัฐส่งเสริมและสนับสนุนเรื่องวิชาการ ภาคของเภสัชกรรมเองก็ได้รับความรู้ใหม่ๆ มากขึ้น ลงได้ลึกขึ้น บริการได้กว้างขวางขึ้น ประชาชนก็จะได้รับประโยชน์โดยมีที่ปรึกษาใกล้บ้านมากขึ้น ซึ่งผลประโยชน์มหาศาลก็ตกอยู่กับประชาชน
เภสัชกร พงษ์รพี สุขเจริญเวช ที่ปรึกษาชมรมผู้ประกอบการค้ายา และรองประธานชมรมร้านขายยา จ.ชลบุรี กล่าวว่า “ร้านขายยาในชลบุรีมีมากกว่า 1,000 ร้าน ปัญหาส่วนใหญ่ของคนในพื้นที่นี้มักจะมาด้วยเรื่องปัญหาการคุมฉุกเฉิน หรืออยากเปลี่ยนยาคุม หรือบางคนอยากใช้ยาคุมเพื่อความสวยงาม ซึ่งความรู้ความเข้าใจของคนในพื้นที่ยังมีน้อย ด้านเภสัชกรเองก็มีความรู้แบบเดิมๆ หรือไม่ก็ความรู้เรื่องยาคุมตัวเก่า แต่เมื่อได้เข้าร่วมโครงการจะทำให้เกิดความมั่นใจทั้งแก่เภสัชกรเอง และประชาชนที่เข้ามาปรึกษา เพราะประชาชนจะเห็นป้ายปรึกษา มั่นใจชัวร์ จากหน้าร้าน ทำให้เขากล้าที่จะเข้ามาปรึกษาเพิ่มมากขึ้น” กล่าวทิ้งท้าย
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ