กรุ๊ปเลือดของแม่กับลูกไม่เข้ากัน ก่อให้เกิดอันตรายแบบใดบ้าง คุณแม่ควรอ่าน

นอกจากระบบเลือด ABO ที่เรารู้คุ้นเคยแล้ว ยังมีระบบเลือดอีกแบบหนึ่งเรียกว่า RH ซึ่งจะบอกว่าเลือดของเราเป็น บวกหรือเป็นลบ อีกด้วย การที่เลือดของแม่เป็นบวกหรือเป็นลบมีผลอย่างไรกับลูกน้อย มาทำความเข้าใจพร้อมกันค่ะ
กรุ๊ปเลือดของแม่กับลูกไม่เข้ากันก่อให้เกิดอันตรายแบบใดบ้าง

กรุ๊ปเลือดของแม่กับลูกไม่เข้ากัน
หาก คุณแม่มีกรุ๊ปโลหิตที่ไม่ตรงกับกับลูก ส่งผลให้เกิดอะไรบ้างต้องเช็กอย่างไร วันนี้มีคำตอบ
ปกติที่เราตรวจกรุ๊ปเลือด เราก็จะรู้ว่า กรุ๊ปเลือดของเราคือ กรุ๊ป A, AB, B หรือ O เช่นนี้เรียกว่า ระบบเลือด ABO แต่มีระบบเลือดอีกแบบหนึ่ง คือ ระบบเลือด RH

หากกรุ๊ปเลือดของแม่กับลูกไม่เข้ากันจะส่งผลอะไรบ้าง
การจำแนกหมู่เลือดระบบ Rh จะตรวจสอบจากสารโปรตีนที่อยู่บนผิวของเม็ดเลือดแดง ซึ่งเรียกว่า แอนติเจน-ดี (Antigen-D) เป็นตัวบ่งบอกหมู่เลือดระบบ Rh(D) แบ่งออกเป็น 2 หมู่คือ
- กรุ๊ปเลือด Rh บวก (Rh positive) ได้แก่ A+, B+, AB+ และ O+ คือ กรุ๊ปเลือดที่มีแอนติเจน-ดี (Antigen-D) อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดง ในคนไทยมีกรุ๊ปเลือด Rh (D) บวกประมาณ 99.7 %
- กรุ๊ปเลือด Rh ลบ (Rh negative) ได้แก่ A-, B-, AB- และ O- คือ กรุ๊ปเลือดที่ไม่มีแอนติเจน-ดี (Antigen-D) อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดง ในคนไทยพบว่า มีกรุ๊ปเลือดนี้เพียง 0.3 % หรือ 1,000 คน จะพบเพียง 3 คนเท่านั้น จึงเรียกว่า “กรุ๊ปเลือดหายาก ” หรือ ” กรุ๊ปเลือดพิเศษ ” นั่นเอง แต่ในชาวยุโรปผิวขาวจะพบ Rh negative ถึง 15%

ถ้ากรุ๊ปโลหิตของแม่กับลูกไม่ตรงกัน คุณแม่ต้องรีบตรวจด่วน
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อแม่มีกรุ๊ปเลือด RH Negative?
ในกรณีที่แม่มีกรุ๊ปเลือด RH Negative แต่พ่อมีกรุ๊ปเลือด RH Positive ทำให้ลูกมีโอกาสมีกรุ๊ปเลือด RH Positive ซึ่งจะมีแอนติเจน-ดี (Antigen-D) อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดง ในขณะที่แม่ไม่มี ดังนั้นร่างกายของแม่ก็จะตรวจจับ แอนติเจน-ดี (Antigen-D) ว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม และสร้างภูมิต้านทานต่อเม็ดเลือดแดงของลูกขึ้นมา เนื่องจากกรุ๊ปโลหิตของลูกและแม่ไม่ตรงกัน

คุณแม่ต้องเช็กด่วน หากมีกรุ๊ปเลือดกับลูกไม่เข้ากัน
ร่างกายของแม่จะค่อย ๆ ใช้เวลาในการสร้างภูมิต้านทาน จนในที่สุดจะมีปริมาณภูมิต้านทานต่อแอนติเจน-ดี เกิดขึ้นอย่างมากในกระแสเลือดแม่ แต่ยังไม่พอที่จะทำลายแอนติเจน-ดีได้ เนื่องจากทารกอยู่ในครรภ์แม่เพียง 9 เดือน ลูกคนแรกจึงคลอดออกมาปกติ
แต่หากคุณแม่มีลูกคนที่สองเป็น Rh positive อีก เลือดของแม่ก็จะสร้างภูมิต้านทานต่อเม็ดเลือดแดงของลูกซึ่งมีแอนติเจนขึ้นมาอีก ภูมิต้านทานนี้จะผ่านรกเข้าไปยังกระแสเลือดของลูกทำให้ทารกในครรภ์ ทำให้เม็ดเลือดแดงของทารกตกตะกอน ลูกคนที่สองจะเป็นโรค Erythroblastosis Fetalis ซึ่งเป็นโรคโลหิตจางรุนแรง บางรายเม็ดเลือดแดงจะถูกทำลายแล้วแท้ง บางรายที่คลอดออกมาได้ก็จะเป็นโรคโลหิตจางและดีซ่านแล้วเสียชีวิตในภายหลัง ภาวะนี้เรียกว่าการไม่เข้ากันของกรุ๊ปเลือด Rh (Rh incompatibility)

อันตรายที่เกิดจาก กรุ๊ปเลือดของแม่กับลูกไม่เข้ากัน
คุณแม่สามารถป้องกันภาวะกรุ๊ปเลือดของแม่กับลูกไม่เข้ากันได้หรือไม่?
การป้องกันที่ดีที่สุด คือการไปฝากครรภ์แต่เนิ่นๆ หากตรวจพบว่าคุณแม่มี Rh negative คุณหมอจะยาฉีดลดการสร้างภูมิต้านทานต่อเลือดของลูกให้เมื่อตั้งครรภ์ได้ 28 สัปดาห์หรือหลังคลอดภายใน 72 ชั่วโมง ยานี้มีชื่อว่า Rh immunoglobulin (Rhig) จะทำหน้าที่จับกับแอนติเจน-ดี บนเม็ดเลือดแดงลูก ทำให้ร่างกายแม่ไม่สามารถตรวจจับแอนติเจน-ดี ซึ่งเป็นสิ่งแปลกปลอมได้ ร่างกายแม่จึงไม่สร้างภูมิต้านทาน ก็จะไม่เกิดอาการกับลูกในครรภ์ต่อๆ มาค่ะ
ที่มา http://pregnancy-pun.blogspot.com/
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งาน เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความที่น่าสนใจอื่นๆ
เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์ อันตรายต่อแม่และลูกอย่างไร
ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์เลี่ยงโรคทางพันธุกรรม
ก่อนผ่าคลอด ต้องทําอะไรบ้าง เตรียมตัวยังไง? รู้ไว้ก็ดีก่อนเข้าห้องผ่าคลอด
การไม่เข้ากันของกรุ๊ปเลือด แม่และลูกในท้องคนละกรุ๊ปเลือด ส่งผลอย่างคาดไม่ถึง
โรคเลือดที่ควรรู้จักก่อนตั้งครรภ์