S.O.S 10 ข้อ สอนลูกน้อยรับมือกับภัยร้ายให้ปลอดภัย

S.O.S 10 ข้อ สอนลูกน้อยรับมือกับภัยร้ายให้ปลอดภัยในชีวิตประจำวัน
เพราะว่าสังคมปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีภัยร้ายที่เกิดขึ้นทั้งใกล้ตัวและไกลตัว ซึ่งไม่อาจประมาทได้ เริ่มสอนเจ้าตัวเล็กให้รู้จักรับมือกับการช่วยเหลือตัวเองหรือสามารถข้อความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้ ตั้งแต่วันนี้กันถอะ

1.สอนลูกว่าร่างกายนี้เป็นของลูก
สอนลูกให้รู้จักรักตัวเองและปกป้องร่างกายตัวเองหากเกิดภัยร้าย หรือเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล

2.สอนลูกรู้จักขออนุญาตพ่อแม่ทุกครั้งที่จะไปไหน
แม้แต่การรับของจากคนอื่นถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่พ่อแม่รู้จัก พูดคุยด้วยก็ตาม และจะต้องตอบปฏิเสธทุกครั้ง

3.สอนให้ลูกรู้จักชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์
ทั้งเบอร์โทรศัพท์ของคุณพ่อคุณแม่ หรือเบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง (ในกรณีที่พ่อแม่ให้ลูกพกโทรศัพท์ติดตัว)

4.บอกลูกว่าผู้ใหญ่ที่ดีจะไม่มาขอความช่วยเหลือจากเด็ก
แต่เขาจะไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่คนอื่น ซึ่งหมายความให้ลูกควรระวังการตีสนิทจากคนแปลกหน้า หรือคนที่จะแกล้งเดินเข้ามาขอความช่วยเหลือจากลูก

5.บอกลูกว่าไม่เป็นไรถ้าลูกจะพูดคำว่า “ไม่”
ทั้งกรณีปฏิเสธจากคนแปลกหน้า หรือแม้แต่กับเด็กที่โตกว่าที่ทำให้ลูกรู้สึกกลัวหรือไม่สบายใจ

6.บอกลูกว่า เด็กทุกคนมีของใช้ส่วนตัวจะใช้ร่วมกันไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นชุดว่ายน้ำ แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ฯลฯ ต้องสอนให้ลูกเข้าใจว่าของบางอย่างสามารถแบ่งปันได้และของบางอย่างเป็นของใช้ส่วนตัวที่ไม่สามารถใช้ร่วมกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ หรืออันตรายที่จะเกิดขึ้นกับลูก

7.หากเกิดหลงทางในที่สาธารณะ ให้ร้องขอความช่วยเหลือจากแม่ที่มากับลูก
สอนให้ลูกรู้จักขอความช่วยเหลือในกรณีที่หาพ่อแม่ไม่เจอ โดยให้เดินไปขอความช่วยเหลือจากคุณแม่ที่มากับลูก ๆ ทั้งนี้ต้องสอนให้ลูกรู้จักสังเกตคนที่จะสามารถเข้าไปขอความช่วยเหลือด้วย

8.เน้นย้ำเรื่องการรับของจากคนแปลกหน้าเป็นสำคัญ
ย้ำลูกทุกครั้งว่าต้องไม่ไปไหนหรือรับสิ่งของจากใครก็ตามที่ไม่รู้จัก ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไรก็ตาม

9.ให้เชื่อความรู้สึกของตัวเอง
ทุกคนจะมีสัญชาตญาณของความไม่ปลอดภัย หากเกิดมีภัยร้ายเกิดขึ้น ให้ลูกรู้จักสังเกตและรู้สึกว่าตัวเองกำลังรู้สึกสงสัยอะไรบางอย่าง

10.สอนลูกให้ไม่มีความลับกับพ่อแม่
ซึ่งพ่อแม่ควรทำตัวให้ลูกไว้วางใจ ที่จะกล้าเปิดเผยคุยกับพ่อแม่ได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวของกับร่างกายของลูก
ถัดไป
บทความโดย
Napatsakorn .R
แชร์ :