theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
  • COVID-19
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • Project Sidekicks
    • การตั้งครรภ์
    • การคลอดบุตร
    • หลังคลอดบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • การสูญเสียทารก
  • ช่วงวัยของเด็ก
    • ทารก
    • วัยเตาะแตะ
    • เด็กเล็ก
    • เด็กวัยเรียน
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • สุขภาพ
    • อาการป่วย
    • วัคซีน
    • โภชนาการสำหรับครอบครัว
  • ชีวิตครอบครัว
    • ประกันชีวิต
    • โรงเรียนพ่อแม่
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • ความปลอดภัย
    • มุมคุณพ่อ
  • การศึกษา
    • ข่าวการศึกษา
    • คลีนิกพัฒนาการ
    • เตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียน
    • โรงเรียนอนุบาล
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์​
    • ข่าว
    • งานบ้าน
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • ดวงและราศี
    • ดารา-แฟชั่น
    • กิจกรรมของครอบครัว
    • ฟิตเนส
    • อีเว้นท์
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • TAP IDOL

ลาคลอดอย่างไรให้ราบรื่น

บทความ 5 นาที
•••
ลาคลอดอย่างไรให้ราบรื่น

คุณแม่หลายท่าน คงจะมีความกังวลถึง สิทธิลาคลอด ว่าเราควรจะเริ่มลาคลอดช่วงไหนถึงจะดี แล้ว ลาคลอดอย่างไรให้ราบรื่น ไม่เป็นอุปสรรคทั้งทางด้านการงาน และสามารถใช้สิทธิ์ในการลาคลอดในการดูแลลูกน้อยได้อย่างเต็มที่

ณ ปัจจุบัน กฎหมายได้กำหนดให้คุณแม่ สามารถลาคลอดได้ 98 วัน ทั้งนี้ สิทธิ์การลา จะรวมถึงการลาเพื่อไปฝากครรภ์ ตรวจเช็คครรภ์ ก่อนคลอดด้วยเช่นกัน โดยที่ตัวคุณแม่ ยังคงได้รับเงินค่าจ้างเป็นระยะเวลาไม่เกิน 45 วัน เช่นเดิม ลาคลอดอย่างไรให้ราบรื่น นั้น ต้องขึ้้นอยู่กับลักษณะงานของตัวคุณแม่เอง และตัวคุณแม่ควรที่จะบริหารจัดการ งานที่คั่งค้าง ให้เสร็จก่อนถึงวันลางาน และให้คนที่ทำงานอยู่สามารถสานต่องานได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงที่เราไม่ได้ปฏิบัติงาน

 

ลาคลอดอย่างไรให้ราบรื่น

 

  • สิทธิลาเพื่อคลอดบุตร ตามกฎหมายใหม่จำนวนวันที่ลูกจ้างหญิงมีสิทธิลาเพื่อคลอดได้ จากเดิม 90 วันเป็น 98 วัน และการลาเพื่อคลอดบุตรหมายความรวมถึงการลาเพื่อไปตรวจครรภ์ก่อนคลอดด้วย ซึ่งหมายถึง วันที่ลูกจ้างลาไปตรวจครรภ์ก็ให้นับรวมใน 98 วันด้วยส่วนการจ่ายค่าจ้างในวันลา ไม่มีการแก้ไข คือลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าจ้างในช่วงที่ลา 45 วัน เช่นเดิม ส่วนอีก 8 วันที่เพิ่มขึ้น (ในกรณีลูกจ้างใช้สิทธิลาครบ 98 วัน) นายจ้างจะจ่ายหรือไม่ ก็แล้วแต่ตกลงกัน ซึ่งควรจะตกลงให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหามีประเด็นถามกันมาตลอด คือ ลูกจ้างลาคลอดแล้วปรากฎว่าลูกจ้างแท้งลูก ลูกจ้างยังหยุดงานต่อไปหรือจะต้องกลับเข้าทำงานหลังจากพักฟื้นร่างกายแล้ว กรณีนี้ กฎหมายมิได้เขียนไว้ และศาลไม่เคยตัดสินไว้ เช่นนี้ เมื่อลูกจ้างไม่มีบุตรที่ต้องเลี้ยงดูหลังคลอด สิทธิหยุดงานเนื่องจากลาคลอดน่าจะสิ้นสุดลงภายหลังจากที่สุขภาพของลูกจ้างได้พักฟื้นเป็นปกติพร้อมที่จะทำงานต่อไป ฉะนั้น หากนายจ้างแจ้งให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงาน ลูกจ้างจะต้องกลับไปทำงานต่อไปอนึ่ง การที่ลูกจ้างใช้สิทธิลาในช่วงนี้ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 5 พ.ค.2562 ซึ่งกฎหมายมีผลใช้บังคับ กรณีลูกจ้างก็สามารถใช้สิทธิลาเพิ่มเติมให้ครบ 98 วันได้ แม้ก่อนลา กฎหมายจะไม่มีผลใช้บังคับก็ตาม เนื่องจากสิทธิการลาเพื่อคลอดบุตรมีวัตถุประสงจะคุ้มครองความเป็นมารดาและบุตร เมื่อกฎหมายรับรองสิทธิดังกล่าวไว้โดยมิได้กำหนดเงื่อนไข ข้อจำกัดสิทธิไว้ ก็ต้องตีความไปนัยที่จะคุ้มครองลูกจ้างตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย

 

การใช้สิทธิลาคลอดมีประโยชน์ต่อคุณอย่างไร?

การลาคลอดเป็นโอกาสที่ดีที่คุณแม่จะได้พักฟื้นหลังจากการตั้งครรภ์ และคลอดลูก และเป็นช่วงเวลาอันมีค่าที่คุณจะได้สร้างสายสัมพันธ์กับลูกน้อย เรียนรู้วิธีการดูแลลูก ช่วงแรก ๆ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งที่คุณจะได้ใช้เวลากับลูกน้อยคนใหม่ ดังนั้น จึงควรใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่ อย่าปล่อยให้ช่วงเวลาดี ๆ เหล่านี้สูญเสียไป

 

สำหรับคุณแม่ที่รับราชการ

มีสิทธิ์ลาคลอดได้ 98 วัน โดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์

1.สำหรับข้าราชการ สามารถรับเงินเดือนได้ตามปกติ 98 วัน โดยรับจากส่วนราชการ

2.พนักงานรับราชการ สามารถรับเงินเดือนได้ตามปกติ โดย 45 วันรับจากส่วนราชการ และอีก 45 วันรับจากสำนักงานประกันสังคม พร้อมมีสิทธิ์ลากิจเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้ไม่เกิน 150 วันทำการ โดยไม่รับเงินเดือน

นอกจากนี้ ยังสามารถเบิกเงินช่วยเหลือการคลอดบุตรได้ครั้งละ 400 บาท โดยไม่รวมค่ารักษาพยาบาลซึ่งเบิกแยกเป็นกรณีพิเศษได้ พร้อมยังได้รับเงินสวัสดิการสำหรับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายเดือนละ 50 บาทต่อบุตร 1 คน แต่ไม่เกิน 3 คน จนกว่าบุตรจะมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์

หมายเหตุ : กรุณาตรวจสอบสวัสดิการเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่ท่านสังกัดอยู่

 

คุณแม่ที่ทำงานในบริษัทเอกชน

มีสิทธิ์ลาคลอดได้ 98 วัน โดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์เช่นกัน ส่วนค่าใช้จ่าย ตามกฎหมายแล้วบริษัทจะต้องทำบัตรประกันสังคมให้ทุกท่าน คุณสามารถใช้บัตรประกันสังคมเบิกค่าใช้จ่ายตามระเบียบของบัตรได้ทันที โดยจะได้รับสิทธิ์ค่าทำคลอดบุตรแบบเหมาจ่ายครั้งละ 13,000 บาท สำหรับบุตรที่คลอดหลัง 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังได้รับเงินช่วยเหลือการหยุดงานเพื่อคลอดบุตร โดยนายจ้างจะจ่ายค่าจ้างให้ 45 วัน และ อีก 45 วัน ประกันสังคมจะจ่ายให้ (โดยผู้ประกันที่เป็นหญิงมีสิทธิเบิกค่าคลอดได้ 2 ครั้ง และผู้ประกันตนชายเบิกค่าคลอดบุตรได้ 2 ครั้ง) สำหรับผู้ประกันตนหญิงมีสิทธิรับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 98 วัน คิดจากฐานเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท

ลาคลอดอย่างไรให้ราบรื่น

 

คุณแม่ที่ทำงานในรัฐวิสาหกิจ

คุณแม่ทำงานในรัฐวิสาหกิจ สามารถเบิกเงินช่วยเหลือการคลอดบุตรได้ครั้งละ 400 บาท ไม่รวมค่ารักษาพยาบาล โดยส่วนนี้คุณแม่เบิกค่าใช้จ่ายได้ตามระเบียบพนักงานรัฐวิสาหกิจ และยังได้รับเงินช่วยเหลือบุตรจำนวน 50 บาทต่อคนต่อเดือน พร้อมสิทธิ์ลาคลอดได้ 60 วันโดยรับเงินเดือนตามปกติ และลากิจเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้ไม่เกิน 30 วัน โดยไม่ได้รับเงินเดือน

คุณแม่ที่ประกอบอาชีพอิสระ

ในกรณีที่คุณแม่ประกอบอาชีพอิสระ สามารถใช้บริการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โดยในส่วนของการฝากครรภ์ การสร้างภูมิคุ้มกันโรคของเด็กสามารถเข้ารับบริการได้ฟรี หรือชำระ 30 บาท สำหรับการคลอดบุตรไม่เกิน 2 ครั้ง พร้อมการตรวจรักษา รวมถึงค่าห้อง และค่ายา

 

การทำงานในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยระหว่างตั้งครรภ์

หากคุณแม่ทำงานอยู่ในพื้นที่ หรือตำแหน่งที่มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ เช่น ทำงานในโรงงาน หรือทำงานในตึกที่ต้องขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่ และทารกในครรภ์ คุณแม่มีสิทธิ์ขอย้ายแผนก หรือย้ายโต๊ะทำงานเป็นการชั่วคราวช่วงก่อน หรือหลังคลอด โดยยื่นเรื่องควบคู่กับใบรับรองแพทย์ ทั้งนี้ กฎหมายคุ้มครองคุณแม่ตั้งครรภ์ ยังห้ามนายจ้างให้ลูกจ้างหญิงทำงานระหว่าง 22.00 - 06.00 น. รวมถึงห้ามทำงานล่วงเวลา ทำงานในวันหยุด หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกลที่มีความสั่นสะเทือน, งานขับเคลื่อน, งานแบกหาม หรือยกของหนักเกิน 15 กิโลกรัม หรืองานในเรืออีกด้วย

 

ในกรณีที่ต้องลางานเพื่อไปพบสูติแพทย์เพื่อตรวจครรภ์

สิทธิ์ในการลาคลอด 98 วันนั้น นับรวมวันหยุดราชการที่อยู่ในช่วงวันลา โดยคุณแม่มีสิทธิ์ได้รับเงินเดือนจากนายจ้างตามปกติ หากมีการเลิกจ้างเนื่องจากตั้งครรภ์ถือว่าผิดกฎหมาย

นอกจากสิทธิ์ในการลาคลอด ในโรงพยาบาลที่คุณแม่ฝากครรภ์มักมีบริการคอร์สเตรียมคลอดให้กับคุณแม่เรียนฟรี โดยส่วนใหญ่จะเรียนครั้งแรกช่วงระยะครรภ์ 3 เดือน และอีกครั้งช่วง 6 - 9 เดือน ซึ่งแต่ละโรงพยาบาลอาจมีตารางเรียนที่แตกต่างกัน คุณแม่สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โรงพยาบาลที่คุณฝากครรภ์

 

ลาคลอดอย่างไรให้ราบรื่น

กำหนดลาคลอด

ในความเป็นจริง 8 วัน ที่เพิ่มขึ้นมานั้น กฎหมายเล็งเห็นถึงการลา เพื่อการฝากครรภ์ หรือแม้กระทั่ง การลาเนื่องจาก พาลูกไปฉีดวัคซีนหลังคลอดนั่นเอง ส่วนอีก 90 วัน คือวันที่คุณแม่จะได้ใช้ช่วงเวลานั้น ในการพักคลอดได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องอื่น

โดยมากคุณแม่ที่ทำงาน หลาย ๆ คน จะทำงานจนเกือบถึงวันที่กำหนดคลอด ก่อนล่วงหน้า 2 วัน แต่คุณแม่หลาย ๆ ท่านก็มักจะลาคลอดล่วงหน้าก่อนถึงวันกำหนดคลอดประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อใช้เวลาในช่วงนั้น ตระเตรียมของสำหรับลูกน้อย และสำหรับตัวคุณแม่เอง พร้อมกับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ เมื่อคลอดแล้ว คุณแม่ก็จะมีเวลาอีกประมาณ 2 เดือนครึ่ง ในการปรับสภาพร่างกายของตัวคุณแม่เอง และดูแลลูกน้อย ก่อนจะกลับไปทำงาน ดูแล้วเหมือนจะง่ายมาก สำหรับใครหลาย ๆ คน แต่ในความเป็นจริงนั้น รายละเอียดในการตระเตรียม มีเยอะมาก จนช่วงเวลาที่ลา 98 วันนั้น อาจจะดูน้อยไปเลยก็เป็นได้

 

สิ่งที่คุณแม่ต้องคำนึงก่อนลาคลอด เพื่อให้การลามีความราบรื่น คือ

  1. การจัดเตรียมงานส่วนของคุณแม่ในที่ทำงานให้เกิดความเป็นระบบ และเข้าใจง่าย เมื่อคนอื่นต้องการหาข้อมูล หรือมารับช่วงงานต่อ
  2. การสอนงานบุคคลที่จะมารับช่วงงานต่อ ว่าสามารถจะหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องใช้ข้อมูลงานจากส่วนไหน
  3. พูดคุย หรือแลกไลน์ กับผู้ที่เกี่ยวข้อง เผื่อกรณีฉุกเฉินที่ต้องการหาข้อมูล หรือรายละเอียดเพิ่มเติมจากตัวคุณแม่
  4. คอยติดต่อประสานงาน และควรจะบอกกำหนดการลาคลอดให้เพื่อนร่วมงานทราบล่วงหน้า
  5. ขอความช่วยเหลือจากหัวหน้างาน เพื่อช่วยในการประสานงาน หรือตรวจสอบงานในช่วงที่คุณแม่ลางาน

เท่านี้ ตัวคุณแม่เอง ก็จะสามารถลาคลอดได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องคอยกังวล กับงานที่ต้องทำ เพราะแค่ตัวลูกน้อย และสุขภาพของคุณแม่เอง ก็เป็นสร้างความกังวลให้กับตัวคุณแม่มากพอแล้วนั่นเอง

 

ที่มา : tqm

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

สิทธิแม่ลาคลอด 100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 80

สิ่งที่ต้องทำหลังคลอดใน 90 วันแรก แม่หลังคลอดควรทำอะไรบ้าง 100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 91

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

บทความโดย

ammy

  • หน้าแรก
  • /
  • เตรียมตัวคลอด
  • /
  • ลาคลอดอย่างไรให้ราบรื่น
แชร์ :
•••
  • 5 เทคนิค เดินทางตอนท้องให้ราบรื่น

    5 เทคนิค เดินทางตอนท้องให้ราบรื่น

  • ราคาแพ็คเกจคลอดปี 2557 ของโรงพยาบาลในกทม.

    ราคาแพ็คเกจคลอดปี 2557 ของโรงพยาบาลในกทม.

  • อันตราย! ตอนท้องควรหลีกเลี่ยงทำงานบ้าน 8 อย่างนี้นะ

    อันตราย! ตอนท้องควรหลีกเลี่ยงทำงานบ้าน 8 อย่างนี้นะ

  • ชื่อลูกต้องห้าม ชื่อไหนห้ามตั้งให้ลูก ชื่อลูกความหมายไม่ดี ตั้งแล้วผิดกฎหมาย

    ชื่อลูกต้องห้าม ชื่อไหนห้ามตั้งให้ลูก ชื่อลูกความหมายไม่ดี ตั้งแล้วผิดกฎหมาย

app info
get app banner
  • 5 เทคนิค เดินทางตอนท้องให้ราบรื่น

    5 เทคนิค เดินทางตอนท้องให้ราบรื่น

  • ราคาแพ็คเกจคลอดปี 2557 ของโรงพยาบาลในกทม.

    ราคาแพ็คเกจคลอดปี 2557 ของโรงพยาบาลในกทม.

  • อันตราย! ตอนท้องควรหลีกเลี่ยงทำงานบ้าน 8 อย่างนี้นะ

    อันตราย! ตอนท้องควรหลีกเลี่ยงทำงานบ้าน 8 อย่างนี้นะ

  • ชื่อลูกต้องห้าม ชื่อไหนห้ามตั้งให้ลูก ชื่อลูกความหมายไม่ดี ตั้งแล้วผิดกฎหมาย

    ชื่อลูกต้องห้าม ชื่อไหนห้ามตั้งให้ลูก ชื่อลูกความหมายไม่ดี ตั้งแล้วผิดกฎหมาย

  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การตั้งชื่อลูก
    • โภชนาการระหว่างตั้งครรภ์​
    • การคลอดบุตร
    • หลังคลอดบุตร
  • ช่วงวัยของเด็ก
    • ทารก
    • วัยเตาะแตะ
    • เด็กเล็ก
    • เด็กวัยเรียน
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • โรงเรียนพ่อแม่
    • เซ็กส์และความสัมพันธ์
  • การตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • นมแม่และนมผง
  • ไลฟ์สไตล์​
    • ข่าว
    • ดวงและราศี
    • กิจกรรมของครอบครัว
    • ดารา-แฟชั่น
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore
  • Thailand
  • Indonesia
  • Philippines
  • Malaysia
  • Sri Lanka
  • India
  • Vietnam
  • Australia
  • Japan
  • Nigeria
  • Kenya
พันธมิตรของเรา
Mama's Choice Partner Brand Logo
© Copyright theAsianparent 2021. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้
บทความ
  • สังคมออนไลน์
  • COVID-19
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • ช่วงวัยของเด็ก
  • สุขภาพ
  • ชีวิตครอบครัว
  • การศึกษา
  • ไลฟ์สไตล์​
  • วิดีโอ
  • ชอปปิง
  • TAP IDOL
เครื่องมือ
  • ?คอมมูนิตี้สำหรับคุณแม่
  • ติดตามการตั้้งครรภ์
  • ติดตามพััฒนาการของลูกน้อย
  • สูตรอาหาร
  • อาหาร
  • โพล
  • VIP Parents
  • การประกวด
  • โฟโต้บูท

ดาวน์โหลดแอปของเรา

  • ติดต่อโฆษณา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทีม
  • กฎการใช้งานคอมมูนิตี้
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดการใช้
  • มาเข้าร่วมกับเรา
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ?ฟีด
  • โพล
เปิดในแอป