ฝากครรภ์ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง มีขั้นตอนอย่างไร
ทันทีที่รู้ว่าตั้งครรภ์ คำถามที่ตามมาก็คือ ต้องไปฝากครรภ์เมื่อไหร่ ฝากครรภ์ที่ไหนดี โรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน ฝากครรภ์ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ฝากครรภ์ครั้งแรกหมอตรวจอะไรบ้าง ไปฝากครรภ์ ถามอะไรคุณหมอดี เราไปหาคำตอบกันเลย
ฝากครรภ์ที่ไหนดี
ถ้าจะถามว่า ฝากครรภ์ที่ไหนที่ดีที่สุด แนะนำว่าให้คุณแม่ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลที่ใกล้และสะดวกที่สุด อาจจะเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้บ้าน หรือใกล้ที่ทำงาน เพราะถ้าหากว่ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น จะได้ไปโรงพยาบาลได้สะดวกและรวดเร็วที่สุด และหากเป็นสถานพยาบาลที่คุณแม่มีประวัติการรักษาโรคประจำตัวมาก่อนยิ่งดีใหญ่ เพราะคุณหมอจะมีประวัติว่าคุณแม่เคยเป็นโรคอะไร ใช้ยาอะไร และจะมีผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์หรือไม่ ส่วนคุณแม่ที่เคยตั้งครรภ์มาก่อนแล้วอาจจะฝากครรภ์กับคุณหมอสูติที่คุ้นเคยก็ได้ครับ
ฝากครรภ์ โรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนดี
สำหรับการฝากครรภ์นั้น คุณแม่จะเลือกโรงพยาบาลรัฐ หรือเอกชน ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละท่าน แต่โดยรวมแล้วขีดความสามารถของโรงพยาบาลรัฐกับเอกชนก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าใดครับ
แต่สิ่งที่จะแตกต่างกันบ้างก็คือ การฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลรัฐอาจทำให้คุณแม่ต้องรอตรวจนานกว่าปกติ เนื่องจากมีผู้ไปรับบริการเป็นจำนวนมาก คุณหมอที่ตรวจก็อาจจะผลัดเปลี่ยนกันไป ไม่ใช่หมอคุณคนเดิม แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะครับ เพราะประวัติการตรวจรักษาในแต่ละครั้งได้ถูกจดบันทึกไว้อย่างละเอียดแล้ว ส่วนข้อดีของการฝากครรภ์ในโรงพยาบาลของรัฐก็คือ จะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงมากนัก
สำหรับบางคุณแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลา หรือไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย การไปตรวจหรือฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้านก็เป็นทางเลือกที่ดี สามารถพบกับคุณหมอคนเดิมทุกครั้ง เพียงแต่จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งคุณแม่ก็ต้องเลือกระหว่างการเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อแลกกับความสะดวกสบาย หรือจะประหยัดค่าใช้จ่าย แต่อาจจะต้องใช้เวลารอคิวนานหน่อย เพื่อไปตรวจหรือไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลรัฐ
ฝากครรภ์เมื่อไหร่ดี
ทันทีที่รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ คุณแม่ควรไปฝากครรภ์ให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปเป็นอันขาด เพราะถ้าคุณแม่เกิดมีโรคแทรกซ้อนขึ้นมาในระหว่างนี้ก็อาจจะสายเกินแก้ จนอาจถึงขั้นสูญเสียลูกในท้องได้นะครับ
ฝากครรภ์ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
- บัตรประชาชน เผื่อไว้สำหรับทำประวัติที่โรงพยาบาล
- ประวัติการเจ็บป่วย การแพ้ยา การคลอดลูก โรคประจำตัว
- ข้อมูลการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย
ฝากครรภ์ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
ฝากครรภ์ครั้งแรกหมอตรวจอะไรบ้าง
เมื่อไปฝากครรภ์ครั้งแรก คุณหมอจะซักประวัติคุณแม่ เช่น
- ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ มาสม่ำเสมอหรือไม่
- ก่อนตั้งครรภ์คุมกำเนิดด้วยวิธีใดหรือไม่
- เคยมีโรคหรืออาการผิดปกติอะไรบ้าง
- เคยมีการแพ้ยาหรือไม่ หากคุณแม่กำลังใช้ยาบางตัวอยู่ ก็ควรบอกคุณหมอด้วย
- ประวัติความเจ็บป่วยของคนในครอบครัวที่มีผลต่อการตั้งครรภ์ เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคเลือด การมีลูกแฝด เป็นต้น
หลังจากซักประวัติคุณหมอจะทำการตรวจร่างกาย ดังนี้
- ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูง หากคุณแม่สูงน้อยกว่า 145 เซนติเมตรมักจะมีเชิงกรานเล็ก ขนาดของลูกในครรภ์กับช่องเชิงกรานไม่ได้สัดส่วน ทำให้คลอดเองลำบาก มีโอกาสผ่าคลอดสูง
การวัดส่วนสูงเทียบกับน้ำหนัก เพื่อให้ทราบว่าน้ำหนักตัวอยู่ในค่ามาตรฐานหรือไม่ และต้องชั่งน้ำหนักทุกครั้ง เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงว่าน้ำหนักเพิ่มมากน้อยเกินไปหรือไม่ ผิดปกติหรือไม่
- ตรวจปัสสาวะ หากคุณแม่มีน้ำตาลในปัสสาวะมาก อาจแสดงถึงโรคเบาหวาน ต้องทำการเจาะเลือดเพื่อหาเบาหวานต่อไป
- วัดความดันโลหิต หากความดันโลหิตสูงผิดปกติ อาจเป็นจุดเริ่มแรกของครรภ์เป็นพิษ แต่หากความดันโลหิตต่ำมักไม่ค่อยมีปัญหาอะไร
- ตรวจฟัน หากคุณแม่มีฟันผุต้องรีบอุด เพื่อไม่ให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งอาจจะส่งผลให้อวัยวะอื่น ๆ อักเสบตามไปด้วย
- ตรวจต่อมไทรอยด์ โดยทั่วไป หญิงตั้งครรภ์ปกติจะมีต่อมไทรอยด์โตเล็กน้อย หากโตมาก ต่อมไทรอยด์อาจเป็นพิษได้
- ฟังเสียงหัวใจและปอด หากพบสิ่งผิดปกติ คุณหมออาจให้การรักษาหรือปรึกษาแพทย์เฉพาะทางต่อไป
- ตรวจครรภ์ เพื่อดูว่าขนาด หรือระดับมดลูกสัมพันธ์กับอายุครรภ์หรือไม่ มีก้อนเนื้อผิดปกติในท้องหรือไม่
หากไม่มีความผิดปกติ คุณหมอก็จะให้ยาบำรุง ได้แก่ วิตามินบีรวม และธาตุเหล็กมาบำรุงคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์
- ตรวจขา เพื่อดูเส้นเลือดขอด ซึ่งทำให้เลือดไหลกลับไปหัวใจไม่สะดวก หากเป็นมากเส้นเลือดอาจอุดตัน ทำให้ขาบวม หรืออาจเป็นอันตรายหากก้อนเลือดที่อุดตันหลุดเข้าไปในกระแสเลือด
- ตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ เจาะเลือดเพื่อหาว่าเลือดจางหรือไม่ ตรวจหาเชื้อซิฟิลิส โรคเอดส์ โรคตับอักเสบไวรัสบี ภูมิต้านทานหัดเยอรมัน
การตรวจนี้โรงพยาบาลบางแห่งอาจตรวจให้ในครั้งแรก แล้วนัดไปตรวจท้อง รวมถึงดูผลตรวจเลือดและปัสสาวะอีกครั้งใน 1-2 สัปดาห์ บางแห่งก็ตรวจท้องก่อน แล้วจึงเจาะเลือดและตรวจปัสสาวะ โดยจะนัดฟังผลใน 1-2 สัปดาห์ เช่นกัน
สมุดฝากครรภ์
หลังจากที่คุณหมอทำการซักประวัติ และตรวจร่างกายของคุณแม่อย่างละเอียดแล้ว ผลการตรวจก็จะถูกบันทึกลงในสมุดฝากครรภ์ หรือใบฝากครรภ์ ซึ่งคุณแม่ควรนำบัตรนี้ติดตัวไปด้วยเสมอ เมื่อต้องเดินทางไปไหนมาไหน แล้วเกิดภาวะฉุกเฉิน คุณหมอจะได้ดูแลรักษาได้ถูกต้อง ตามข้อมูลที่บันทึกไว้ในสมุดฝากครรภ์
ฝากครรภ์ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
ไปฝากครรภ์ ถามอะไรคุณหมอดี
คุณแม่ควรเตรียมจดคำถามที่สงสัย หรือสิ่งที่เป็นกังวลว่าจะปฏิบัติตัวไม่ถูกไปถามคุณหมอด้วย โดยสิ่งที่คุณแม่ควรจะถามหมอเมื่อไปฝากครรภ์ เช่น
- วันครบกำหนดคลอดคือเมื่อไหร่ ?
- ควรกินอะไร หรือห้ามกินอะไรเป็นพิเศษ ?
- สามารถออกกำลังกายแบบใดได้บ้าง จำเป็นต้องออกกำลังกายหรือไม่ และควรเริ่มออกกำลังกายได้เมื่อไหร่ ?
- ต้องเสริมกรดโฟลิกอย่างไร ?
- ยาชนิดใดเป็นอันตรายต่อลูกบ้าง ยาที่รับประทานอยู่มีผลต่อลูกในครรภ์หรือเปล่า ?
- สิ่งที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงในระหว่างการตั้งครรภ์มีอะไรบ้าง ?
- จะต้องมาตรวจครรภ์ครั้งต่อไปเมื่อไหร่ ?
- จะต้องตรวจอะไรบ้าง ?
- ต้องตรวจอัลตราซาวนด์หรือไม่ ?
- สิทธิที่คุณแม่ควรได้รับหรือสวัสดิการที่เป็นประโยชน์ต่อคุณแม่ เช่น ค่าลดหย่อนในการตรวจครรภ์ การออกใบรับรองแพทย์เพื่อหยุดพักงาน เป็นต้น
- มีเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ หรือมีเพศสัมพันธ์อย่างไรให้ปลอดภัย ? ไม่ต้องอายนะครับ สามารถสอบถามคุณหมอได้เลย
- จะคลอดเองได้หรือไม่ ? หรือควรเลือกวิธีผ่าคลอด ?
นอกจากคำถามที่ควรถามคุณหมอแล้ว สิ่งที่คุณแม่ควรจะเตรียมก็คือประวัติทั่วไปเกี่ยวกับตัวคุณแม่ เพื่อจะช่วยทำให้การตรวจเป็นไปได้ง่ายและถูกต้องมากยิ่งขึ้น เช่น
- สุขภาพโดยทั่วไปของคุณแม่ สภาพแวดล้อม และการดำเนินชีวิตของคุณแม่เป็นอย่างไร
- ประจำเดือนครั้งสุดท้ายมาเมื่อไหร่ สม่ำเสมอหรือไม่ รวมถึงประวัติการคุมกำเนิด ว่าคุมกำเนิดด้วยวิธีใด คุมกำเนิดมานานเท่าไรแล้ว เป็นต้น
- อาการแพ้ท้องหากคุณแม่มีอาการแพ้ท้อง ควรเล่าให้คุณหมอฟังด้วยว่ามีอาการมากน้อยเพียงใด
- ประวัติการตั้งครรภ์และการคลอด
- ประวัติความเจ็บป่วยของคุณแม่และคนในครอบครัว
- ประวัติการฉีดวัคซีน
- ประวัติการใช้ยา
- ประวัติการแพ้ยา
- ประวัติอุบัติเหตุ
- ประวัติการผ่าตัด
การนัดตรวจครรภ์ครั้งถัดไป
หลังจากที่ฝากครรภ์ครั้งแรกแล้ว คุณหมอก็จะนัดมาตรวจครรภ์ครั้งถัดไป ซึ่งจะนัดถี่ หรือห่างมากน้อยเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับระยะครรภ์ และโรค หรือความผิดปกติที่ตรวจพบ ซึ่งโดยปกติแล้วในช่วง 7 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ คุณหมอจะนัดให้คุณแม่มาตรวจครรภ์เดือนละ 1 ครั้ง และเมื่อย่างเข้าสู่เดือนที่ 8 คุณหมอก็จะนัดตรวจครรภ์ถี่ขึ้นเป็นทุก ๆ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และจะเพิ่มเป็นทุก ๆ 1 สัปดาห์ในช่วงเดือนที่ 9 หรือช่วง 1 เดือนก่อนคลอด
แต่สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แฝด ซึ่งในระหว่างการตั้งครรภ์จะมีโอกาสเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่า คุณหมอจะนัดให้มาตรวจถี่ขึ้นกว่าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ตามปกติ
และหากคุณแม่ไม่สามารถไปตรวจตามที่หมอนัดได้ ก็ควรรีบไปพบคุณหมอในวันที่ว่างโดยทันที อย่ารอให้เลยวันนัดเป็นเดือน ๆ เพราะในระหว่างนี้ หากคุณแม่เกิดมีโรคแทรกซ้อนขึ้นมาก็อาจจะสายเกินแก้ จนเป็นอันตรายต่อลูกในท้องได้ครับ
ที่มา medthai
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ข้อห้ามคนท้องอ่อน ระวังให้ดี ก่อนเผลอทำร้ายลูกในครรภ์
ชื่อมงคล 176 รายชื่อมงคล ตั้งชื่อพร้อมความหมาย เป็นศิริมงคล ทั้งลูกชายลูกสาว
คนท้อง กินอะไรไม่ได้บ้าง อาหารอะไรห้ามกินตั้งแต่ท้องอ่อนจนถึงวันคลอด

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!