theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
  • COVID-19
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • Project Sidekicks
    • การตั้งครรภ์
    • การคลอดบุตร
    • หลังคลอดบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • การสูญเสียทารก
  • ช่วงวัยของเด็ก
    • ทารก
    • วัยเตาะแตะ
    • เด็กเล็ก
    • เด็กวัยเรียน
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • สุขภาพ
    • อาการป่วย
    • วัคซีน
    • โภชนาการสำหรับครอบครัว
  • ชีวิตครอบครัว
    • ประกันชีวิต
    • โรงเรียนพ่อแม่
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • ความปลอดภัย
    • มุมคุณพ่อ
  • การศึกษา
    • ข่าวการศึกษา
    • คลีนิกพัฒนาการ
    • เตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียน
    • โรงเรียนอนุบาล
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์​
    • ข่าว
    • งานบ้าน
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • ดวงและราศี
    • ดารา-แฟชั่น
    • กิจกรรมของครอบครัว
    • ฟิตเนส
    • อีเว้นท์
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • TAP IDOL

4 วิธีฝึกลูกเดินทางได้ ไม่ง้อแท็บเล็ต

บทความ 3 นาที
•••
4 วิธีฝึกลูกเดินทางได้ ไม่ง้อแท็บเล็ต4 วิธีฝึกลูกเดินทางได้ ไม่ง้อแท็บเล็ต

ในบทความนี้คุณแม่มือใหม่โดยเฉพาะลูกเล็กๆ ทารกไม่อยากให้พลาด 4 วิธีเริ่มต้น No Screen Time งดเล่นแท็บเล็ต ดูทีวีในรถ เนื่องจากได้ถอดบทเรียนจาก 3 ปีครึ่งที่ผ่านมา เป็นบทเรียนรู้ที่จะแชร์ครั้งนี้จริงๆ เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นที่มีผลระยะยาวไปจนโต

no screen time

Screen Time คืออะไร คือช่วงเวลาที่เราใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีหน้าจอสกรีน เช่น มือถือ แท็บเล็ต โทรทัศน์ ไอแพด เกมกด...เป็นต้น

จากประสบการณ์กระเตงลูกนั่งรถไปกลับกทม.- สระบุรีเกือบทุกๆ สัปดาห์ ด้วยคาร์ซีทตั้งแต่อายุ 2เดือนจนตอนนี้ลูกใกล้จะ 4 ขวบ บ้านณดาไม่เคยใช่แท็บเล็ต หรือดูการ์ตูนระหว่างการเดินทาง เพราะเรารู้ได้ข้อมูลว่าวิธีการเหล่านี้มีผลเสียมากกว่าผลดี

สำหรับผลเสียของการใช้ screen time มากเกินไปในเด็กเรื่องนี้มีผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวถึงผลเสียต่างๆ คุณพ่อคุณแม่ลองศึกษาตรงนี้เพิ่มเติมนะคะ ดังนั้น สิ่งที่เราอยากแบ่งปันแนวทางก็คือ แล้วเราจะเริ่มต้นไม่ใช้วิธีการที่บอกได้อย่างไรบ้างในกรณีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวค่ะ

  1. ไม่สร้างเงื่อนไข งดการสร้างเงื่อนไขกับลูก เช่น ..เงียบนะ ถ้าเงียบแม่จะให้เล่นเกม หรือแม่จะเปิด เปิดการ์ตูนให้ดู” เมื่อ screen time คือเงื่อนไขของพ่แม่ได้สำเร็จฉันใด ก็จงอย่าลืมว่าเขาจะเรียนรู้เช่นกันว่า เมื่อไรก็ตามที่ฉันอยากดูฉันจะร้องโวยวายเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการฉันนั้น ดังนั้นเราจึงไม่ใช้ข้อแลกเปลี่ยนนี้สักครั้งกับณดาเลย
  2. ต้องไม่มีครั้งที่ 1 ... เพราะเมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่ 2 เพราะเด็กเรียนรู้ว่านี่คือสูตรสำเร็จ ดิ้นรนแล้วได้ผลลัพธ์ที่เขาต้องการเช่นในข้อ 1 แต่ถ้าใครดันเผลอมีครั้ง 1 ครั้ง 2 ไปแล้วอยากเลิก เราคงต้องใจแข็งและลองใช้วิธีการข้อ 3-4 ดูนะคะ
  3. ฟังเพลง อ่านหนังสือ หากิจกรรมอื่น เปิดเพลงนิทาน audio ภาษาอังกฤษในรถแทน หนังสือนิทานเล่มโปรด ตุ๊กตา ของเล่นมีเสียง สัมผัสได้ ยิ่งทารกการได้หยิบจับสัมผัสใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กมัดน้อยมีความสำคัญต่อพัฒนาการด้วยเช่นกันค่ะ หรือโตแล้วอาจจะใช้แป้งโดว์ หรือของเล่นที่สามารถเล่นในรถได้
  4. เป็นเพื่อนเล่นให้ลูก ในกรณีที่พ่อขับรถ แม่นั่งข้างๆ หรือใครสักคนที่นั่งข้างๆ คือของเล่นชิ้นที่ดีมากๆ ยกตัวอย่างกิจกรรมที่แป้งจะใช้ตลอดการเดินทางเวลาเป็นเพื่อนเล่นให้ลูก เช่น เล่นแมงมุม/นิ้วโป้งอยู่ไหน /จีจ่อเจี๊ยบ / จักจี้กันให้ลูกได้สนุก พอสองขวบพวกเราเล่นผลัดกันพูดชื่อศัพท์หมวดหมู่ต่างๆ ห้ามซ้ำกันและห้ามคิดนาน เช่น จงพูดชื่อสัตว์ ประเทศ สิ่งที่เห็นนอกหน้าต่าง เขาจะได้ใช้การคิดและความสนุก และก็จะชวนเล่นเสมอๆ

และจุดเรียนรู้สำคัญของข้อนี้ที่เราพบคือ ร่างกายของเขา ตัวเขาก็เป็นเพื่อนเล่นสำหรับเขาเองได้เช่นกัน เขาอยู่กับตัวเองได้โดยปราศจากของเล่นใดๆ เพราะบางครั้งณดาร้องเพลงคนเดียวและชูนิ้วมาเล่นเอง บางครั้งก็มองข้างนอกหน้าต่างแล้วพูดชื่อสิ่งที่เห็นออกมา นี่คือพื้นฐานของ Self Esteem การเห็นคุณค่าในตัวนั่นเอง (แม้ว่าไม่มีใครฉันก็ยังมีฉัน)

อย่างไรก็ตามบางบ้านอาจจะมีความจำเป็นที่ต้องเดินทางกับลูกแค่สองหรือสามสี่คนเท่านั้น ซึ่งเราคิดว่ามีท่านที่ทำได้สำเร็จโดยไม่อาศัย Screen time อย่างแน่นอน หากท่านใดมีวิธีสามารถแบ่งปันได้นะคะ

ถามว่าจากที่ได้ใช้วิธีการต่างๆเหล่านี้ เห็นผลดีอะไรตลอดสามปีเจ็ดเดือนที่ผ่านมา

1. ลูกเป็นเด็กที่มีความอดทนรอคอยเพื่อเป้าหมาย และควบคุมตัวเองได้ เด็กเบื่อเป็นเรื่องปกติ เธอจะถามตลอดว่าเมือไหร่ถึง เราจะบอกความจริงไม่โกหกลูก อีกนานก็คืออีกนาน เพื่อให้เธอรู้จักรอคอยเพื่อเป้าหมายที่ตั้งไว้..ไม่ใช่แค่เรื่องนั่งรถ แต่การสอนให้เขาต้องต่อคิวเพื่อรอก็จะง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน..

2. เรียนรู้ที่จะเข้าใจความรู้สึกตัวเองได้ดี เรามักสอนเค้าเสมอว่ารู้สึกอะไรก็บอกออกมา “หนูเบื่อแล้วค่ะแม่..” แม่ก็จะบอกว่า “อื่อแม่ก็เบื่อเนอะอยากให้ถึงไวไวจัง แต่ยังไงเราก็ต้องรอคอยนะคะ” .. ลูกถอดหายในเฮ้อออ..แล้วก็หันไปร้องเพลงกับตัวเองต่อไป ...สงบเร็วได้ด้วยตัวเอง

3. ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวเหนียวแน่น เพราะเขารู้ว่าแม่เล่นกับเขาได้ พ่อขับรถก็เล่นได้ ร้องเพลงด้วยกันได้ สายสัมพันธ์นี้แหละคือโอกาสที่พ่อควรสร้างและรีบคว้าไว้ เพราะในไม่ช้าไม่นาน สื่อ screen time ต่างๆ จะเข้ามาในชีวิตลูกไม่ช้าก็เร็วสำหรับโลกดิจิตอลในยุคนี้

เทคโนโลยีใดๆ ก็เชื่อมโยงได้ไม่ก้าวล้ำและสำคัญได้เท่ากับการเชื่อมโยงในสายสัมพันธ์ทางจิตใจอย่างเหนียวแน่นระหว่างมนุษย์กับมนุษย์โดยเฉพาะระหว่างพ่อแม่และลูกนั่นเอง

มานำไปประยุกต์ใช้วิธีนี้ให้เข้ากับบริบทของแต่ละบ้านแต่ละคนดูนะคะ
บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

เลี้ยงลูกให้ดี ควรลงโทษลูกไหม?

รับมืออย่างไร เมื่อคนอื่นวิจารณ์การเลี้ยงลูกของเรา

TAP-ios-for-article-footer-with button (1)

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

บทความโดย

แม่แป้ง กุลลดา พันธ์สังข์

  • หน้าแรก
  • /
  • ชีวิตครอบครัว
  • /
  • 4 วิธีฝึกลูกเดินทางได้ ไม่ง้อแท็บเล็ต
แชร์ :
•••
  • 6 วิธีแก้เด็กติดจอ ดูแลลูกอย่างไรไม่ให้ติดโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์

    6 วิธีแก้เด็กติดจอ ดูแลลูกอย่างไรไม่ให้ติดโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์

  • วิธีแก้ลูกติดแท็บเล็ต ไม่ให้ลูกสมาธิสั้น ป้องกันพัฒนาการล่าช้า

    วิธีแก้ลูกติดแท็บเล็ต ไม่ให้ลูกสมาธิสั้น ป้องกันพัฒนาการล่าช้า

  • "นิวเคลียร์" เครียดตรวจพบเชื้อโควิด แล้วใครจะดูแลลูก

    "นิวเคลียร์" เครียดตรวจพบเชื้อโควิด แล้วใครจะดูแลลูก

  • ชื่อลูกต้องห้าม ชื่อไหนห้ามตั้งให้ลูก ชื่อลูกความหมายไม่ดี ตั้งแล้วผิดกฎหมาย

    ชื่อลูกต้องห้าม ชื่อไหนห้ามตั้งให้ลูก ชื่อลูกความหมายไม่ดี ตั้งแล้วผิดกฎหมาย

app info
get app banner
  • 6 วิธีแก้เด็กติดจอ ดูแลลูกอย่างไรไม่ให้ติดโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์

    6 วิธีแก้เด็กติดจอ ดูแลลูกอย่างไรไม่ให้ติดโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์

  • วิธีแก้ลูกติดแท็บเล็ต ไม่ให้ลูกสมาธิสั้น ป้องกันพัฒนาการล่าช้า

    วิธีแก้ลูกติดแท็บเล็ต ไม่ให้ลูกสมาธิสั้น ป้องกันพัฒนาการล่าช้า

  • "นิวเคลียร์" เครียดตรวจพบเชื้อโควิด แล้วใครจะดูแลลูก

    "นิวเคลียร์" เครียดตรวจพบเชื้อโควิด แล้วใครจะดูแลลูก

  • ชื่อลูกต้องห้าม ชื่อไหนห้ามตั้งให้ลูก ชื่อลูกความหมายไม่ดี ตั้งแล้วผิดกฎหมาย

    ชื่อลูกต้องห้าม ชื่อไหนห้ามตั้งให้ลูก ชื่อลูกความหมายไม่ดี ตั้งแล้วผิดกฎหมาย

  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การตั้งชื่อลูก
    • โภชนาการระหว่างตั้งครรภ์​
    • การคลอดบุตร
    • หลังคลอดบุตร
  • ช่วงวัยของเด็ก
    • ทารก
    • วัยเตาะแตะ
    • เด็กเล็ก
    • เด็กวัยเรียน
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • โรงเรียนพ่อแม่
    • เซ็กส์และความสัมพันธ์
  • การตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • นมแม่และนมผง
  • ไลฟ์สไตล์​
    • ข่าว
    • ดวงและราศี
    • กิจกรรมของครอบครัว
    • ดารา-แฟชั่น
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore
  • Thailand
  • Indonesia
  • Philippines
  • Malaysia
  • Sri Lanka
  • India
  • Vietnam
  • Australia
  • Japan
  • Nigeria
  • Kenya
พันธมิตรของเรา
Mama's Choice Partner Brand Logo
© Copyright theAsianparent 2021. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้
บทความ
  • สังคมออนไลน์
  • COVID-19
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • ช่วงวัยของเด็ก
  • สุขภาพ
  • ชีวิตครอบครัว
  • การศึกษา
  • ไลฟ์สไตล์​
  • วิดีโอ
  • ชอปปิง
  • TAP IDOL
เครื่องมือ
  • ?คอมมูนิตี้สำหรับคุณแม่
  • ติดตามการตั้้งครรภ์
  • ติดตามพััฒนาการของลูกน้อย
  • สูตรอาหาร
  • อาหาร
  • โพล
  • VIP Parents
  • การประกวด
  • โฟโต้บูท

ดาวน์โหลดแอปของเรา

  • ติดต่อโฆษณา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทีม
  • กฎการใช้งานคอมมูนิตี้
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดการใช้
  • มาเข้าร่วมกับเรา
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ?ฟีด
  • โพล
เปิดในแอป