งานวิจัยเผย: คุณพ่อเป็นนักเล่านิทานก่อนนอนที่เก่งกว่าคุณแม่

งานวิจัยชิ้นใหม่ชี้ให้เห็นว่า ควรให้คุณพ่ออ่านหนังสือนิทานก่อนนอนให้ลูกฟังมากกว่าคุณแม่ บทความนี้จะบอกให้คุณรู้ว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
คุณนึกภาพออกใช่ไหมคะ เด็กๆ อาบน้ำ ใส่ชุดนอน เสร็จแล้วก็ขึ้นมาขดอยู่บนเตียง รอให้คุณแม่มาอ่านนิทานก่อนนอนให้ฟัง
แต่คุณแม่คะ พออ่านบทความนี้จบแล้ว คุณอาจจะอยากยกหน้าที่อ่านนิทานก่อนนอนให้คุณพ่อไปเลย!
งานวิจัยชิ้นใหม่ นำโดยด็อกเตอร์เอลิซาเบธ เดิร์สม่า จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในสหรัฐอเมริกาชี้ให้เห็นว่า เด็กๆ ได้ประโยชน์จากการฟังนิทานก่อนนอนจากคุณพ่อมากกว่าคุณแม่

คุณพ่อเป็นนักอ่านนิทานก่อนนอนที่เก่งกว่าคุณแม่ ฉะนั้น คุณพ่อทั้งหลาย ได้เวลาปัดฝุ่นทักษะการอ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟังแล้วนะคะ
ผลการวิจัยฉบับนี้ระบุว่า มี “การอภิปรายอย่างมีจินตนาการ” และการพัฒนาด้านภาษาเกิดขึ้นมากกว่า เพราะมีการท้าทายวิธีการคิดของเด็กๆ เมื่อคุณพ่อเป็นคนอ่านหนังสือให้ฟัง
เด็กผู้หญิงจะได้ประโยชน์มากเป็นพิเศษเมื่อมีผู้ชายอ่านหนังสือให้ฟัง
ด็อกเตอร์เดิร์สม่ากล่าวว่า “เรื่องนี้มีผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะถ้าคุณพ่อเริ่มอ่านหนังสือให้ลูกฟังก่อนวัย 2 ขวบ ผู้คนมักจะมองว่า การอ่านเป็นกิจกรรมของผู้หญิง แต่เด็กๆ ดูเหมือนจะจดจ่อมากกว่าเวลาที่คุณพ่ออ่านหนังสือให้ฟัง มันเป็นเรื่องที่พิเศษ”
อยากรู้ไหมคะ ว่าคุณพ่ออ่านนิทานต่างจากคุณแม่อย่างไร?
รายงานฉบับหนึ่งใน The Telegraph เกี่ยวกับงานวิจัยชิ้นนี้เน้นว่า ผู้ชายและผู้หญิงมีวิธีการอ่านหนังสือให้ลูกฟังไม่เหมือนกัน
คุณแม่มักถามคำถามที่เป็นข้อเท็จจริง เช่น “ลูกเห็นแอปเปิ้ลกี่ผล”
ในทางตรงกันข้าม คุณพ่อกลับชอบถามคำถามที่เป็นนามธรรม ซึ่งทำให้ลูกได้ใช้และพัฒนาจินตนาการ รวมทั้งทักษะทางภาษามากกว่า
ด็อกเตอร์เดิร์สม่ากล่าวต่อไปว่า “คุณพ่อมักจะชอบถามคำถามประมาณว่า ‘ดูบันไดนี่สิลูก ลูกจำตอนที่มีบันไดแบบนี้อยู่ท้ายรถกระบะของพ่อได้ไหม’”
ด็อกเตอร์เดิร์สม่าอธิบายว่า คำถามประเภทนี้ส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านภาษาของลูกมากกว่า เพราะมีความ “ท้าทายสติปัญญา” มากกว่า พูดง่ายๆ ก็คือ เด็กจะต้องใช้สมองเพื่อตอบคำถามเหล่านั้นมากกว่าคำถามประเภทที่ว่า “มีส้มกี่ผล”
ฉะนั้น คุณพ่อทั้งหลาย ตอนนี้เราได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ และคุณก็ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าหน้าที่เล่านิทานก่อนนอนประจำบ้านเรียบร้อยแล้ว! รีบไปหยิบหนังสือนิทานมานอนอ่านบนเตียงกับลูกๆ สิคะ