“น้ำอัดลม” น้ำหวานสุดอร่อย กินได้แค่ไหนไม่อันตรายต่อลูกในท้อง
แด่คุณแม่ผู้ชื่นชอบในรสชาติหวานฉ่ำ ซู่ซ่าของน้ำอัดลม มาดูกันว่า “น้ำอัดลม” น้ำหวานสุดอร่อย กินได้แค่ไหนไม่อันตรายต่อลูกในท้อง
น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ผู้คนชื่นชอบในยามอากาศร้อน โดยดื่มพร้อมกับใส่น้ำแข็งเย็นๆ เพื่อดับกระหายคลายร้อน เพราะเหตุผลที่ทำให้รู้สึกสดชื่นได้ไว มีรสชาติอร่อย ราคาถูก สามารถหาซื้อได้ง่าย อีกทั้งมีให้เลือกหลากหลายรสชาติหลายแบรนด์ ซึ่งบรรจุอยู่ในภาชนะที่เป็นรูปแบบกระป๋อง ขวดแก้ว และขวดพลาสติก จึงทำให้น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่คนทั่วโลกนิยมกันอย่างสูงเลยทีเดียว
แม่ลูกอ่อนกินน้ำอัดลมได้ไหม
น้ำอัดลมประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีคุณค่าทางสารอาหาร แต่ให้พลังงานและความอิ่มแก่ร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยน้ำอัดลมปริมาณ 1 ลิตร ให้พลังงาน 424 กิโลแคลอรี ประกอบไปด้วยส่วนผสมหลักๆ 3 อย่าง คือ
น้ำ อาจมาจากน้ำประปาหรือน้ำบาดาลที่ผ่านการกรองและฆ่าเชื้อโรคแล้ว
น้ำตาล
สารปรุงแต่ง กลิ่น และสี อีกทั้งยังมีกรดคาร์บอนิกที่อัดใส่เข้าไป เพื่อให้มีความซ่าเกิดเป็นฟอง สร้างความสดชื่นขณะดื่ม รวมถึงกรดฟอสฟอริก คาเฟอีน และสารกันบูดอีกด้วย
ข้อดี ของ การมีลูก ชาย มีลูกชาย ดียังไง มีลูกชาย โชค ดีจริงไหม?
ประเภทของน้ำอัดลม
น้ำอัดลมสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ด้วยการแบ่งตามกลิ่น สี และรสชาติดังนี้
น้ำดำหรือน้ำอัดลมรสโคล่า เป็นประเภทปรุงแต่งด้วยน้ำสกัดที่มาจากผลของโคล่า สีดำมาจากน้ำตาลที่เคี่ยวจนไหม้หรือใช้สีผสมอาหาร เป็นเครื่องดื่มประเภทที่มีคาเฟอีนน้ำสี เป็นประเภทปรุงแต่งด้วยน้ำที่ใส่สีเลียนแบบน้ำผลไม้ เช่น รสส้ม องุ่น มะนาว หรือน้ำหวานอย่างเช่นน้ำเขียวและน้ำแดง ส่วนใหญ่จะไม่ใส่คาเฟอีน แต่มีบางยี่ห้อที่พบว่าใส่เพียงเล็กน้อย
ทำไมคนท้องจึงไม่ควรดื่มน้ำอัดลม
ก็เพราะส่วนผสมที่มีในน้ำอัดลมนั้นประกอบไปด้วย
- สารเคมีปรุงแต่งรสชาติ แต่งสีแต่งกลิ่น สารกันบูดซึ่งเมื่อร่างกายได้รับไปนานๆอาจเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงได้
- มีน้ำตาลสูงมากแคลลอรี่ก็สูงตามไปด้วย น้ำอัดลม 1 ลิตรให้พลังงานสูงถึง 424 กิดลแคลลอรี่ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนติดน้ำอัดลมจึงอ้วน และการกินน้ำตาลในปริมาณมากเกินไปช่วงท้องยิ่งทำให้แม่ท้องเกิดภาวะเบาหวานขณะตั้งท้องตามมาได้อีก และยังทำให้แม่ท้องมีโอกาสฟันผุได้มากกว่าตอนไม่ท้องเพราะความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายจะทำให้ความเป็นกรดในช่องปากสูงขึ้นบวกกับการกินน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูงยิ่งทำให้ฟันผุง่ายกว่าคนทั่วไป
- น้ำอัดลมบางชนิดมีส่วนผสมของคาเฟอีน ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายแม่ท้องทำให้หัวใจเต้นเร็ว นอนไม่หลับ ขับน้ำ และแคลเซียมออกจากร่างกาย การดูดซึมอาหารไปเลี้ยงลูกในท้องทำได้ไม่เต็มที่ ยิ่งถ้าแม่ท้องดื่มทั้ง ชา กาแฟ และน้ำอัดลมประเภทมีคาเฟอีน หากดื่มตามใจทั้งวันอาจทำให้เกิดอันตรายทั้งต่อตัวแม่เองและลูกในท้องได้
- ความซ่าและรสเปรี้ยวนิดๆพอให้ชื่นใจของน้ำอัดลมเกิดจากกรดคาร์บอนิก ซึ่งความรุนแรงของกรดชนิดนี้สามารถย่อยหินปูนได้ ทำให้กัดกร่นกระดูกและฟัน นอกจากนี้ยังมีกรดฟอสฟอริกมีความเข้มข้นของกรดสูงพอที่จะละลายตะปูได้ใน 4 วัน ทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร แม่ท้องที่ต้องใหญ่ขึ้น อวัยวะภายในถูกทั้งมดลูกที่โตขึ้นและตัวลูกเบียดอยู่อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดได้ นอกจากนี้เจ้ากรดตัวนี้ยังทำให้ฟอสฟอรัสสูงขึ้นจนร่างกายไม่อาจดูดซึมแคลเซียมได้เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุนและแคลเซียมไม่พอต่อการพัฒนาของลูกในท้องได้ด้วย
- เครื่องดื่มน้ำอัดลมอาจจะทำให้แสบท้อง อาการจุดเสียด เป็นอาการปกติของแม่ตั้งครรภ์ โดยอาจจะเกิดขึ้นรุนแรงได้ และ ทำให้ไม่สบายตัว ไตรมาสที่สามเป็นไตรมาสที่ควรระวังเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่สุด เพราะฉะนั้นอาจจะต้องระวังการดื่มน้ำอัดลมในช่วงไตรมาสสาม
ในน้ำอัดลมมีคาเฟอีน ที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์
คนท้อง ดื่ม น้ํา อัดลม ได้ไหม มีโทษหรือ ประโยชน์ต่ออะไรต่อ ลูกในครรภ์ บ้าง?
หนึ่งในเหตุผลหลักที่แม่ท้องต้องลิมิต การดื่มนน้ำอัดลมนั้นก็เพราะว่า น้ำอัดลมมีคาเฟอีน ที่สามารถทำอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ คาเฟอีน เชื่อมโยงกับการคลอดก่อนกำหด โดยน้ำอัดลมแต่ละชนิดมีคาเฟอีนประกอบที่แตกต่างกัน
- Diet Coke มีสารประกอบคาเฟอีกที่ 47 มก.
- Mountain Dew มีสารประกอบคาเฟอีนที่ 54 มก
นอกจากนี้ยังมีการถกเถียงกันเป็นระยะแล้วว่า คาเฟอีนอาจจะมีผลต่อการเสี่ยงแท้งบุตร เพราะฉะนั้นควรงดคาเฟอีนไปก่อน
แล้วแม่ท้องติดน้ำอัดลมจะทำอย่างไร
เพราะปริมาณน้ำตาลมากมายที่มีในน้ำอัดลมจึงทำให้แม่ท้องที่ร่างกายอ่อนเพลียง่ายเมื่อดื่มเข้าไปแล้วรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่ามีแรงมากขึ้น และคาเฟอีนก็ทำให้ติดอย่างเลิกไม่ได้ทางท่ีดีแม่ท้องควรดื่มน้ำอัดลมในปริมาณที่เหมาะสม คือไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน แต่ต้องเป็นแก้วน้ำขนาดปรกตินะคะไม่ใช้แก้วใหญ่จัมโบ กะง่ายๆก็ประมาณไม่เกิน 200 มิลลิลิตรต่อวัน แต่ถ้าตัดสินใจเลิกดื่มไปเลยได้ก็จะยิ่งดีที่สุด
หากเลิกไม่ได้ก็ให้จิบกินทีละน้อยพอให้หายอยากแล้วค่อยๆลดปริมาณลงจนไม่ต้องดื่มเลย อย่าหักดิบเลิกทีเดียวเดี๋ยวจะยิ่งส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดี ไม่ควรหันมาดื่มน้ำอัดลมประเภทน้ำตาลศูนย์เปอร์เซนต์ เพราะมีผลการวิจัยออกมายื่นยนัแล้วกว่า สารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่มีในเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมส่งผลให้ลูกในท้องน้ำหนักตัวเกินและเสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้ในอนาคต หันมาดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์และกินให้ครบ 5 หมู่เพื่อเจ้าตัวน้อยของคุณแม่เรื่องแค่นี้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ เอาใจช่วยคุณแม่ท้องผู้ติดน้ำอัดลมทุกคนนะคะ
หากดื่มน้ำอัดลมบ่อยๆ อาจก่อให้เกิดเป็นโรคมะเร็งได้เช่นกัน
ถึงแม้ว่าเครื่องดื่มน้ำอัดลมจะไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เลยก็ตาม แต่ก็พบว่าผู้ที่ดื่มเป็นประจำจะมีแนวโน้มติดเครื่องดื่มประเภทนี้ได้เพราะมีคาเฟอีนนั่นเอง นอกจากจะเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์กับร่างกายแล้ว ยังมีกรดต่างๆ ในปริมาณที่มากพอๆ กับน้ำส้มสายชูอีกด้วย ซึ่งหากดื่มอย่างต่อเนื่องก็จะส่งผลให้เกิดโทษต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
The Asianparent Thailand
เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งาน เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
ที่มา : https://www.pharm.su.ac.th/dis/board/text/ask_detail.php?askID=3
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
กินนำ้ตาลได้แค่ไหนเมื่อเริ่มตั้งครรภ์ ปริมาณน้ำตาลของแม่ขณะตั้งครรภ์
คนท้องและเบาหวาน โรคที่แม่หลายคนกังวลกันมาก เป็นเบาหวานกระทบลูก?
มาดูไปพร้อมกัน คนท้องย้อมผมได้ไหม ทำสีผมตอนท้องได้ไหม?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!