เมื่อลูกเป็นโรคอีสุกอีใส ทำไงดี? ต้องรักษาอย่างไร? วิธีไหนถูกต้อง
โรคชนิดหนึ่งที่เด็กทุกคน ต้องเคยเป็นกันมาหมด ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม โรคนี้ก็คือ โรคที่มีชื่อว่า อีสุกอีใส ตัว พ่อ แม่ ผู้ปกครองเอง อาจจะเคยเป็นมาก่อน แต่สุดท้ายแล้ว เราอาจจะจำไม่ได้ ก็ได้ว่า ตอนที่เราเป็นเด็กนั้น พ่อ แม่ ของเรา ช่วยเหลือเราอย่างไร ดังนั้น วันนี้เราเลยจะพาคุณมารู้จักอีสุกอีใส ให้มากกว่าเดิม คุณควร ทำอย่างไร เมื่อลูกเป็นโรคอีสุกอีใส
โรคอีสุกอีใส เกิดจากอะไร?
โรคสุกใส หรือ อีสุกอีใส เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ชื่อว่า วาริเซลล่า (Varicella) ซึ่งติดต่อได้ง่ายๆ โดยการหายใจรดกัน ไอจามใส่กัน และ การสัมผัส ตุ่มแผล ของโรค โดยตรง หรือ สัมผัสของใช้ผู้ป่วยเช่น ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว จึงสามารถ ติดต่อได้ง่ายใน เด็ก ที่อยู่ ร่วมกันที่โรงเรียนค่ะ
อาการของโรคอีสุกอีใส เป็นอย่างไร?
เมื่อลูกเป็นโ รคอีสุกอีใส
อาการของโรค จะเริ่มจากมีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว แล้วจึงมี ผื่นแดงขึ้น ต่อมาจะเปลี่ยน เป็นตุ่มน้ำใส และตุ่มหนอง ขึ้นตามหน้า ลำตัว หลัง และ แขนขา โดยผื่น แต่ละบริเวณ ของร่างกายอาจมีลักษณะ ของผื่นแตกต่างกัน เช่น ที่แขนขา เริ่มเป็นผื่นแดง ที่หลังเป็น ตุ่มน้ำใส ส่วนที่หน้าเริ่มแห้ง และ ตกสะเก็ด
หากลูกเป็นอีสุกอีใส คุณพ่อ คุณแม่ ควรดูแลอย่างไร?
เมื่อลูกเป็ นโรคอีสุกอีใส
เนื่องจากอีสุกอีใส เป็นโรคที่หายได้เอง และ อาการไม่รุนแรงในเด็ก หากลูกมีอาการของ โรคอีสุกอีใส และมีไข้ต่ำๆ คุณพ่อ คุณแม่ อาจดูแลลูกที่บ้าน ได้โดยให้ทาน ยาลดไข้พาราเซตามอล เช็ดตัวลดไข้ ทานอาหาร ที่มีประโยชน์ และ พักผ่อนให้เพียงพอ ร่วมกับสังเกต อาการของลูก ถ้ามีไข้สูง มีผื่นขึ้น ตามตัวมาก มีอาการเจ็บป่วย รุนแรงขึ้น เช่น หายใจหอบ ชัก ซึมลง ควรไปพบคุณหมอค่ะ
ให้ลูกทานยาเขียว ได้หรือไม่?
เมื่อลูกเป็นโรคอี สุกอีใส
ยาเขียว เป็นยาตำรับไทย ที่ใช้มานานในเด็ก ที่เป็นไข้ออกผื่น มีส่วนผสมทำจากใบไม้สีเขียว และ สมุนไพรต่างๆ มีความเชื่อว่า ช่วยให้โรคหายเร็วขึ้น โดยยังไม่มี งานวิจัย ที่สนับสนุนว่า ยาเขียว มีฤทธิ์ต้านไวรัสโรคอีสุกอีใส ดังนั้น การทานยาเขียว อาจไม่ได้มีประโยชน์ อย่างชัดเจนในการรักษา โรคอีสุกอีใส แต่ก็ไม่ได้มีอันตราย ต่อร่างกาย อย่างชัดเจนเช่นกัน มีข้อควรระวังคือ ยาเขียวบางตำรับ มีส่วนผสมของดอกไม้ จึงควรหลีกเลี่ยงหาก ลูกแพ้เกสรดอกไม้นะคะ
หากไม่ต้องการ ให้ลูกมีแผลเป็นจากอีสุกอีใส ควรทำอย่างไร?
เมื่อลูกเป็น โรคอีสุกอีใส
แผลเป็นจากอีสุกอีใส สามารถป้องกันได้โดย ไม่ไปแกะเกาตุ่มสุกใส ถ้าลูกมีอาการคัน ก็ควรทานยาแก้คัน นอกจากนี้ควรตัดเล็บ ให้สั้นเพราะเชื้อแบคทีเรียจากมือ และ เล็บ สามารถเข้าสู่กระแสเลือด ได้จากการแกะเกาตุ่ม จนเกิดการติดเชื้อ แทรกซ้อนอย่างรุนแรง ที่อวัยวะภายในต่างๆตามมาได้
เราจะป้องกัน การติดเชื้ออีสุกอีใส ได้อย่างไร?
เนื่องจาก โรคสุกใส สามารถติดต่อได้ โดยการไอจาม และ หายใจรดกัน รวมทั้งสัมผัส กับ ผื่นของโรค หรือ ของใช้ส่วนตัว ผู้ป่วย คุณพ่อคุณแม่จึงควรสอน ให้ลูกหลีกเลี่ยง การคลุกคลี ใกล้ชิดกับ เพื่อนที่เป็นอีสุกอีใส ไม่ใช้ของ ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น ล้างมือให้สะอาด นอกจากนี้ ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกัน อีสุกอีใสซึ่งฉีดได้ในเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป คุณพ่อ คุณแม่ สามารถอ่าน รายละเอียด เพิ่มเติมได้ จากบทความ “มารู้จักวัคซีนเสริมสำหรับเด็กกันดีกว่า ตอนที่ 2” ที่หมอเคยเขียนไว้ค่ะ
หากลูกเป็นอีสุกอีใสจะสามารถไปโรงเรียนได้เมื่อไร?
โดยทั่วไประยะ ที่สามารถติดต่อได้ของสุกใส คือตั้งแต่ 48 ชั่วโมงก่อนจะ มีผื่นขึ้น (ซึ่งทำให้เด็กๆอาจไปสัมผัสใกล้ชิดกับเพื่อนที่ป่วยเป็นอีสุกอีใสก่อนจะมีอาการ โดยไม่รู้ตัวได้) จนถึง ระยะที่ผื่นแห้ง เป็นสะเก็ดหมด ทุกตุ่มทั่วร่างกาย ส่วนใหญ่จะใช้ เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากเริ่มมีอาการป่วย ถ้าไม่มี ภาวะแทรกซ้อน นะคะ
Source : aringforkids
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ :
โรคไข้ดำแดง ไข้เลือดออก อีสุกอีใส 3 โรคต้องระวังช่วงนี้
ผื่นลมพิษเป็นอย่างไร?
โรคแพ้นมวัวในเด็กมีอาการอย่างไร?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!