อาการท้องแข็งเกิดจากอะไร
ในช่วงสุดท้ายของการตั้งครรภ์ คุณแม่ท้องอาจจะรู้สึกว่าทำไมรู้สึกว่าท้องแข็ง ๆ เมื่อเอามือจับดูจะรู้สึกได้ว่าเป็นก้อน ๆ รู้สึกตึง ๆ จนเกิดความสงสัยว่า อาการท้องแข็งที่เกิดขึ้นนั้น อันตรายไหม อาการท้องแข็งเกิดจากอะไร
อาการท้องแข็งเกิดจากอะไร ท้องแข็งแบบไหนอันตรายใกล้คลอด
อาการท้องแข็ง ตามความหมายของคุณหมอมักจะหมายถึง การที่มดลูกบีบตัว แข็งตัวขึ้น โดยอาการท้องแข็งนั้น เป็นอาการที่มักจะพบได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ซึ่งอาการท้องแข็งนั้น เกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่
อาการท้องแข็งเกิดจากอะไร
1. ท้องแข็งที่เกิดจากลูกโก่งตัว
เป็นอาการท้องแข็งแบบไม่มีอันตราย ที่คุณแม่ท้องมักจะเจอกันอยู่บ่อย ๆ ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ โดยคุณแม่ท้องจะมีความรู้สึกว่า ท้องแข็งบางที่ นิ่มบางที่ โดยอวัยวะของลูกในท้องที่กำลังดิ้น หรือโก่งตัว อย่างเช่น ศอก ไหล่ เข่า หัว หรือก้น จะนูนตรงนั้นตรงนี้ไปทั่ว ส่วนที่มักจะนูนโก่งแข็งจนมดลูกเบี้ยวไปข้างนึงเลยก็มักจะเป็นหลัง กับ ก้น อีกด้านนึงก็จะนิ่มกว่า แล้วก็จะรู้สึกลูกด้นเป็นจุดเล็กจุดน้อย ด้านนั้นก็จะเป็นส่วนของมือ ส่วนของเท้า
2. ท้องแข็งเพราะกินอิ่ม
เนื่องจากความจุของช่องท้องนั้น มีพื้นที่จำกัด มดลูกของคุณแม่ท้องที่โตขึ้นตามอายุครรภ์ไปเบียดแย่งพื้นที่กับอวัยวะอื่น ๆ ในช่องท้อง พอกินอะไรเข้าไปจึงรู้สึกว่าแน่นไปหมด บางครั้งก็รู้สึกแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ต้องนั่งยืดตัวสักพักอาการท้องแข็งก็จะดีขึ้น
อาการท้องแข็งแบบนี้ ท้องจะไม่แข็งมาก มักจะเป็นหลังกินข้าว โดยมากมักจะเป็นความรู้สึกแน่นท้องเสียมากกว่า อาการท้องแข็งแบบนี้ ไม่ได้มีส่วนทำให้เกิดอาการเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนด แต่คุณแม่ท้องควรควรกินอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย แบ่งอาหารเป็นมื้อย่อย ๆ รับประทานครั้งละน้อย ๆ พยายามอย่าให้ท้องผูก และควรขับถ่ายเป็นประจำทุกวัน ก็จะรู้สึกแน่นท้องน้อยลง
3. ท้องแข็งเกิดจากมดลูกบีบตัว
อาการท้องแข็งที่เกิดจากมดลูกบีบตัวนั้น คุณแม่ท้องจะมีอาการท้องแข็งทั้งหมด ไม่แข็งเป็นบางจุดเหมือนอาการท้องแข็งเพราะเด็กโก่งตัว และจะมีอาการปวดท้อง เหมือนปวดประจำเดือนร่วมด้วย โดยอาการท้องแข็งเพราะมดลูกบีบตัวนั้น ยังสามารถแยกย่อยได้ดังนี้
- ท้องแข็งของแท้ (มดลูกบีบตัวก่อนกำหนด)
ปกติแล้ว มักจะเป็นในช่วงหลังจากตั้งครรภ์ได้ 28 ไปแล้ว โดยช่วงที่พบว่ามีอาการท้องแข็งจากมดลูกบีบตัวบ่อยที่สุด ก็คือในช่วงอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ ซึ่งก็เป็นช่วงที่ลูกในท้องดิ้นมากที่สุด เพราะการที่ลูกดิ้นมาก ๆ ก็อาจมีส่วนไปกระตุ้นทำให้มดลูกบีบตัวบ่อยขึ้นได้ด้วยเหมือนกัน จนเมื่อผ่านช่วงอายุครรภ์ 32-34 สัปดาห์ไปแล้ว อาการท้องแข็งก็จะน้อยลง
หากคุณแม่ท้องมีอาการท้องแข็งบ่อย และถี่ขึ้น ไม่ได้แข็งเป็นบางจุด และบางทีรู้สึกแข็งมาก หรือแข็งจนรู้สึกแน่นหายใจไม่ออก และอาการไม่ดีขึ้น ควรจะรีบไปพบคุณหมอให้เร็วที่สุด เพราะมดลูกจะบีบตัวจนปากมดลูกเปิด ตามมาด้วยการเจ็บท้องคลอด ทำให้ก่อนกำหนดได้ อย่างไรก็ตาม คุณแม่ท้องบางคน พอถึงเวลาครบกำหนดคลอด แต่กลับไม่มีอาการเจ็บท้องคลอด จนบางทีเลยกำหนดไปเลยก็มี
- ท้องแข็งตามธรรมชาติ (Braxton Hicks Contraction)
คุณแม่ท้องบางคน อาจมีอาการท้องแข็งที่เกิดจากมดลูกบีบตัว ซึ่งเป็นการท้องแข็งนิด ๆ หน่อย ๆ ที่เกิดขึ้นได้เองเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายใด ๆ หรือที่เรียกกันว่า Braxton Hicks Contraction นั่นเอง
4. ท้องแข็งจากสาเหตุอื่น ๆ
จริง ๆ แล้วสาเหตุของอาการท้องแข็งนั้นมีมากมาย นอกเหนือจากสาเหตุข้างต้นแล้ว สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้คุณแม่ท้องเกิดอาการท้องแข็ง เช่น
- อาจเกิดจากคุณแม่ท้องไม่แข็งแรง สุขภาพไม่ดี
- เป็นโรคเบาหวาน ความดันสูง
- มดลูกไม่แข็งแรง มดลูกมีโครงสร้างไม่ปกติ
- มีเนื้องอกของมดลูก
- เกิดจากครรภ์แฝด
- เด็กตัวใหญ่
- น้ำคร่ำมาก
นอกจากนี้ แม้แต่การมีตกขาว หรือมีการอักเสบของปากมดลูก ก็เป็นสาเหตุของอาการท้องแข็งที่พบได้บ่อย ๆ แต่สาเหตุที่พบมากที่สุด มากกว่า 30% ก็คือ ไม่ทราบสาเหตุก็เป็นไปได้
อาการท้องแข็งเกิดจากอะไร
คนท้อง ท้องแข็ง ทำอย่างไรดี
- ไม่กลั้นปัสสาวะ
- ไม่บิดขี้เกียจ
- งดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์
- ไม่ควรสัมผัสกับอวัยวะที่ไวต่อการกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวบ่อย ๆ เช่น บริเวณหน้าอก หรือเต้านม เป็นต้น ระหว่างอาบน้ำ ก็ไม่ควรไปถู ไปจับ บริเวณหัวนมจนเกินความจำเป็น หากหัวนมแข็งชันขึ้นมาเมื่อไหร่ มดลูกก็อาจจะบีบตัวตามมาได้
อย่างไรก็ตาม คุณแม่ท้องควรสังเกตอาการผิดปกติต่าง ๆ อยู่เสมอ หากรู้สึกว่าท้องแข็งมาก และแข็งถี่มากกว่าปกติ หรือเดี๋ยวแข็งเดี๋ยวหายติด ๆ กันเป็นชุด ควรจะรีบไปพบคุณหมอเพื่อความปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
วิธีนับลูกดิ้น นับอย่างไร ถึงจะรู้ว่าลูกปลอดภัย ไม่เสียชีวิตในครรภ์
7 อาหารบำรุงสมองทารกในครรภ์ กินอะไรให้ลูกในท้องฉลาด
อาการใกล้คลอด อาการของคนใกล้คลอด เป็นอย่างไร มีสัญญาณเตือนอะไรบ้าง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!