ในช่วงเวลาดังกล่าวจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาสมองด้วยโภชนาการที่มีประโยชน์ที่สุด ซึ่งได้แก่ นมแม่ นมแม่คือสุดยอดสารอาหารสำหรับทารก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟแนะนำให้แม่ให้นมบุตรเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน เพราะน้ำนมแม่มีสารอาหารที่สำคัญกว่า 200 ชนิดต่อการเจริญเติบโต ภูมิคุ้มกัน อนุมูลอิสระที่จำเป็นสำหรับทารก[1]
โดยล่าสุด วงการแพทย์ตื่นตัวเป็นอย่างมาก หลังจากการค้นพบสุดยอดสารอาหารสมองที่พบในน้ำนมแม่ คือ MFGM (Milk Fat Globule Membrane)
ศาสตราจารย์ เจฟฟรีย์ เคลกฮอร์น ผู้อำนวยการสถาบัน Institute of Health & Biomedical Innovation for Child Health Research Centre of Queensland University of Technology ประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยว่า งานวิจัยทางการแพทย์ล่าสุดค้นพบสารอาหารบำรุงสมองในนมแม่ ได้แก่ MFGM ซึ่งเป็นเยื่อหุ้มอนุภาคไขมัน เยื่อบางๆนี้อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด[2] ทำหน้าที่ช่วยสร้างปลอกไขมันหุ้มเส้นใยสมอง (Myelin Sheath) ช่วยเพิ่มความเร็วในการรับส่งสัญญาณประสาท โดยจากการศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่า เมื่อ MFGM ทำงานร่วมกับ DHA จะช่วยเสริมการเชื่อมต่อเซลล์สมองเพิ่มขึ้น[3] โดยงานวิจัยชี้ว่าทารกที่ทานนมที่มี MFGM และ DHA จะมีพัฒนาการสมองและสติปัญญาใกล้เคียงกับทารกที่ดื่มนมแม่ ดีกว่าทารกที่ดื่มนมที่เพิ่มดีเอชเอเพียงอย่างเดียวถึง 4 จุด*[4] ให้สมองทำงานเต็มที่ทั้งระบบ และยังช่วยพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์[5] หลากหลายผู้เชี่ยวชาญระดับโลกได้ยอมรับและตื่นตัวกับการเติม MFGM ในผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับทารกและเด็ก
รศ.นพ.สรายุทธ สุภาพรรณชาติ หัวหน้าภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า “สมองของเด็กพัฒนาสูงสุดในช่วงตั้งครรภ์ถึง 3 ขวบปีแรก เรียกได้ว่าเป็นโอกาสทองที่มีความสำคัญมากต่อการพัฒนาทางสมองและพัฒนาการในอนาคต MFGM ช่วยในขบวนการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองนับแสนล้านเซลล์ ยิ่งเซลล์สมองมีการเชื่อมต่อมากขึ้นและเร็วขึ้นเท่าไร พัฒนาการทางสมองของเด็กก็จะเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันเอื้อให้สามารถสกัด MFGM เติมในผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับเด็กได้ ถือเป็นความก้าวหน้าอีกระดับหนึ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นมผงมีความใกล้เคียงกับนมแม่ยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้นมาก หากคุณแม่มีความจำเป็นที่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ เราควรให้นมผสมที่มีคุณภาพดี ที่จะช่วยพัฒนาสมองและพัฒนาการ”
รศ.ดร.นพ.ดิฐกานต์ บริบูรณ์หิรัญสาร ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ยังให้ความเห็นว่า นมผสมที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์อย่าง MFGM ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะมีงานวิจัยที่มีแนวโน้มไปในทางที่ดีว่าช่วยส่งเสริมเรื่องของสติปัญญา และช่วยป้องกันการติดเชื้อ โดยกล่าวว่า “ปกติหลังคลอด ทีมแพทย์และพยาบาลจะให้ความรู้เกี่ยวกับการให้นมแม่และช่วยส่งเสริมคุณแม่ให้สามารถให้นมลูกได้สำเร็จ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า นมแม่ดีที่สุด แต่ปัญหาของคุณแม่หลังคลอดบางท่านพบว่า คุณแม่อาจมีน้ำนมไม่เพียงพอหรือไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวได้ จากสาเหตุต่างๆ หรืออาจมีข้อห้ามในการให้นมแม่ เช่น การติดเชื้อบางชนิด หรือการใช้ยาบางอย่าง เป็นต้น ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้นมผสมเพิ่มเติม ดังนั้นการเลือกให้ลูกได้รับนมผสมที่มีส่วนผสมของ MFGM ก็เป็นทางเลือกทางหนึ่งของคุณแม่ ที่จะช่วยให้ทารกได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเหมาะสมและอาจช่วยสร้างเสริมในเรื่องพัฒนาการตามวัยของเด็กได้”
ด้าน รศ. นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวว่า “สมองประกอบด้วยไขมันถึง 60 % และในน้ำนมแม่ก็พบไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญ ดังนั้นเยื้อหุ้มอนุภาคไขมันในนมแม่อย่าง MFGM จึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองของลูก นอกจากนี้ งานวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่าเด็กที่ได้รับนมที่เสริม MFGM และ DHA จะมีการพัฒนาความฉลาดได้อย่างเต็มระบบนอกเหนือจากด้านสติปัญญา นั่นคือ ความฉลาดทางอารมณ์ โดยเด็กที่อายุระหว่าง 2.5 – 6 ปี ที่รับประทานนมผสม MFGM และ DHA จะมีสมาธิจอจ่อมากขึ้น ไม่ก้าวร้าว และมีอารมณ์ดี ไม่ห่วงกังวลกับการเข้าสังคม ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสู่การพัฒนาที่ดีในแง่ทัศนคติและพฤติกรรมของเด็กในอนาคต เราต้องยอมรับว่า ในสังคมปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เด็กที่ทั้งคิดเก่ง และคิดดี มีความก้าวล้ำทั้งความคิดและอารมณ์จะปรับตัวตามสภาพแวดล้อมได้ดี โดยมีคุณพ่อคุณแม่สนับสนุนอย่างเหมาะสมทั้งด้านโภชนาการและการเลี้ยงดู รวมทั้งการปฏิบัติตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี จะช่วยให้เด็กประสบความสำเร็จในชีวิต และก้าวไปได้ไกลกว่าในโลกอนาคต”
อ้างอิงข้อมูล
[1] Prawpan Suriwong, แนะนมแม่ดีที่สุดสำหรับเด็ก, www.thaihealth.or.th ,2015;8:10, Available from www.thaihealth.or.th/Content/32278-แนะนมแม่ดีที่สุดสำหรับเด็ก.html, Thai Breastfeeding Center Foundation. Thailand, กรมอนามัย ย้ำนมแม่ ยาดีต้านหนาว ดูดบ่อย ดูดจากเต้าป้องกันโรค, www.thaibreastfeeding.org, Available from www.thaibreastfeeding.org/articles.php?mode=content&id=17
[2] Liao, Y. et al. J. Proteome Res., 2011, 10 (8), pp 3530–3541
[3] จากการศึกษาในห้องปฏิบัติการ (in vitro) ที่ 21 วัน โดยใช้องค์ประกอบที่มีใน MFGM (NeuroProof report for Mead Johnson Nutrition).
*Based on cognitive scores in infants (Timby N et al. 2014) and behavior regulation in children (Veereman-Wauters G et al. 2012).
[4] Timby N, Domellof E, Hernell O, Lonnerdal B, Magnus Domellof M. Neurodevelopment, nutrition, and growth until 12 mo of age in infants fed a low-energy, low-protein formula supplemented with bovine milk fat globule membranes: a randomized controlled trial. Am J Clin Nutr. 2014;99:860-868.
[5] Veereman-Wauters G, Staelens S, Rombaut R, Dewettinck K, Deboutte D, Brummer R, Boone M, Ruyet P. Milk fat globule membrane (INPULSE) enriched formula milk decreases febrile episodes and may improve behavioral regulation in young children. Nutrition. 2012;28:749-752.
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!