ทารกเป็นหวัด อาจเป็นเรื่องที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนวิตกกังวล โดยเฉพาะตอนลูกยังเล็ก ทำอย่างไรไม่ให้ทารกเป็นหวัด ลูก 1 เดือนเป็นหวัด มีข้อแนะนำอย่างไร ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เมื่อทารกมีอายุได้ 6 เดือนไปแล้ว ภูมิต้านทานโรคหวัดที่ได้จากน้ำนมแม่จะค่อย ๆ ลดลง ประกอบกับการที่ทารกอาจจะต้องออกไปนอกบ้าน และในช่วงนี้ภูมิต้านทานของทารกยังไม่แข็งแรงสมบูรณ์ดีนัก จึงอาจทำให้ ทารกเป็นหวัด ได้ ลูก 1 เดือนเป็นหวัด แม่ต้องทำอย่างไร วันนี้เรามีวิธีมานำเสนอคุณแม่ค่ะ
ทำไมลูกน้อยเป็นหวัดบ่อย
ผศ.นพ.จักรพันธ์ สุศิวะ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ให้คำแนะนำเรื่องลูกเป็นไข้หวัดเอาไว้ว่า เด็กแต่ละคนมีโอกาสเป็นไข้หวัดได้บ่อยครั้งแตกต่างกันไป แต่เด็กที่ไม่สบาย เป็นหวัดบ่อย ๆ มักพบในเด็กที่คลอดออกมามีน้ำหนักตัวน้อย หรือคลอดไม่ครบกำหนด และเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ นอกจากนี้ เด็กมักจะเป็นหวัดได้ง่ายในกรณีที่
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด โรคสมองพิการ
- บ้านที่อยู่อาศัยมีความแออัด มีการทำอาหารภายในห้องแคบ ๆ มีฝุ่นควันเยอะ
- ในครอบครัวมีคนที่สูบบุหรี่
นอกจากนี้ปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ลูกเป็นหวัด ได้แก่
ทารกเป็นหวัด
- อากาศหนาวเย็นเกินไป หรือร้อนชื้นเกินไป
- ทารกภูมิต้านทานยังไม่แข็งแรงดี
- อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย
- ในเด็กที่ไปโรงเรียนแล้ว อาจติดเชื้อมาจากเด็กด้วยกันในโรงเรียน หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก
ทารกเป็นหวัดระวังโรคแทรกซ้อน
ทารกเป็นหวัด หรือเด็กโตที่เริ่มต้นเป็นหวัด บางครั้งอาจมีอาการที่แสดงถึงโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น
- ไข้เลือดออก
- ไข้หวัดใหญ่
- ไข้หวัดนก
- ปอดบวม
- โรคหัด หัดเยอรมัน
- คางทูม
- โรคไอกรน
- โรคสุกใส
ทารก เป็นหวัด ลูกเป็นหวัด
ทารกเป็นหวัดรับมืออย่างไร
ด้วยความที่เด็กทารกยังไม่สามารถบอกถึงอาการต่าง ๆ ออกมาได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงต้องคอยสังเกตอาการของลูก หากลูกมีน้ำมูก ก็อาจจะต้องช่วยเหลือโดยการใช้ลูกยางดูดน้ำมูก หรือล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ สำหรับวิธีการล้างจมูก หรือดูดน้ำมูกก็สามารถติดตามอ่านได้จากบทความด้านล่างนี้นะคะ
หากลูกน้อยของคุณตื่นขึ้นมากลางดึกร้องไห้และรู้สึกหน้าแดง คุณจะต้องวัดอุณหภูมิของลูกเพื่อตรวจดูว่าลูกมีไข้หรือไม่ มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้ลูกน้อยของคุณมีไข้ แม้ว่าตัวไข้เองจะไม่เป็นอันตราย แต่บางครั้งอาจมีสาเหตุแฝง ทารกอายุน้อยมีแนวโน้มมากกว่าเด็กโตที่จะมีไข้ที่ต้องได้รับการรักษา
- ทารกแรกเกิด – อายุไม่เกิน 3 เดือน – ควรพบแพทย์ทันทีหากมีไข้
- ทารกอายุ 3 เดือนขึ้นไปที่มีไข้ต่ำๆ สามารถรักษาได้ที่บ้านด้วยการดูแลที่เหมาะสม หากไม่มีอาการอื่นที่เกี่ยวข้อง ทารกที่มีไข้ต่อเนื่องหรือมีไข้สูงควรได้รับการประเมินโดยแพทย์
การระบุไข้
อุณหภูมิปกติอยู่ที่ใดที่หนึ่งใกล้กับ 98.6°F (37°C) อุณหภูมินี้อาจแตกต่างกันเล็กน้อยในช่วงเช้าถึงเย็น อุณหภูมิของร่างกายโดยทั่วไปจะลดลงเมื่อคุณตื่นนอนและสูงขึ้นในช่วงบ่ายและเย็น ทารกอายุต่ำกว่า 3 เดือนที่มีไข้ต้องพบแพทย์ทันทีเพื่อวินิจฉัยสาเหตุ และรักษาถ้าจำเป็น
ทารกจะถือว่ามีไข้หากอุณหภูมิของพวกเขาคือ:
- 100.4°F (38°C) หรือสูงกว่าเมื่อถ่ายทางทวารหนัก
- 99°F (37.2°C) หรือสูงกว่าเมื่อถ่ายด้วยวิธีอื่น
- ไข้ระดับต่ำไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์สำหรับทารกที่มีอายุมากกว่า 3 เดือนเสมอไป
วิธีลดไข้
อุณหภูมิที่สูงขึ้นเล็กน้อยในทารกที่มีอายุมากกว่า 3 เดือนอาจไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ คุณสามารถรักษาไข้ได้เองที่บ้านด้วยวิธีต่อไปนี้:
- อะเซตามิโนเฟน
หากบุตรของท่านอายุเกิน 3 เดือน ท่านสามารถให้ยาอะเซตามิโนเฟน (ไทลินอล) สำหรับเด็กในปริมาณที่ปลอดภัยได้ ปริมาณมักจะขึ้นอยู่กับน้ำหนัก แพทย์ของคุณอาจแนะนำให้ชั่งน้ำหนักทารกของคุณหากพวกเขาไม่ได้ชั่งน้ำหนักเมื่อเร็ว ๆ นี้หรือหากมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว หากลูกน้อยของคุณไม่ไม่สบายหรือจุกจิกจากอาการไข้ คุณอาจไม่จำเป็นต้องให้ยาใดๆ กับพวกเขา สำหรับไข้สูงหรืออาการอื่นๆ ที่ทำให้ทารกรู้สึกไม่สบายตัว ยาสามารถช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นชั่วคราว
- ปรับเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
แต่งตัวให้ทารกด้วยเสื้อผ้าน้ำหนักเบาและใช้แค่ผ้าปูที่นอนหรือผ้าห่มบางๆ เพื่อให้พวกเขารู้สึกสบายและเย็น การแต่งตัวให้ทารกมากเกินไปอาจขัดขวางวิธีการระบายความร้อนตามธรรมชาติของร่างกาย
ลูกยังเล็กมากจะเป็นอะไรไหม
- ลดอุณหภูมิ
ทำให้บ้านและห้องลูกน้อยของคุณเย็นสบาย ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ร้อนเกินไป
- อาบน้ำอุ่นให้ลูกน้อย
ลองซับให้ลูกน้อยของคุณด้วยน้ำอุ่น (อุณหภูมิของน้ำควรรู้สึกอุ่น แต่ไม่ร้อน เมื่อสัมผัสที่แขนด้านในของคุณ) รักษาการดูแลอย่างสม่ำเสมอในระหว่างการอาบน้ำเพื่อความปลอดภัยของน้ำ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำเย็น เพราะอาจทำให้ตัวสั่น ซึ่งอาจเพิ่มอุณหภูมิได้ เช็ดตัวให้แห้งทันทีหลังอาบน้ำและแต่งกายด้วยเสื้อผ้าน้ำหนักเบา ไม่แนะนำให้อาบน้ำเพื่อลดไข้และอาจเป็นอันตรายได้
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
มีหลายสิ่งที่คุณไม่ควรทำหากทารกของคุณมีไข้:
- อย่ารอช้าการรักษาพยาบาลสำหรับทารกแรกเกิดที่มีไข้หรือทารกที่มีไข้เรื้อรังหรือผู้ที่ดูเหมือนป่วยหนัก
- ห้ามให้ยาแก่ทารกโดยไม่ได้ตรวจวัดอุณหภูมิและปรึกษาแพทย์ก่อน
- อย่าใช้ยาสำหรับผู้ใหญ่
- อย่าแต่งตัวให้ทารกมากเกินไป
- อย่าใช้น้ำแข็งหรือแอลกอฮอล์ถูเพื่อลดอุณหภูมิของทารก
นอกจากนี้ หากลูกอาการไม่ดี ไม่ควรหาซื้อยามาให้ลูกทานเองโดยปราศจากคำแนะนำของคุณหมอหรือเภสัชกรนะครับ ทางที่ดีควรพาลูกไปพบคุณหมอ เพื่อตรวจวินิจฉัย แล้วจะได้ทำการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
บทความประกอบ : ป้อนยาลูก ตวงยาสำหรับลูกน้อยให้ถูกต้อง คุณแม่ควรทำความเข้าใจซักนิด
เมื่อไหร่ต้องรีบพาลูกไปพบแพทย์
สำหรับทารกแรกคลอด หรือทารกที่มีอายุน้อยกว่า 2-3 เดือน หากพบอาการของโรคหวัด หรืออาการผิดปกติอื่น ๆ คุณพ่อคุณแม่ควรรีบพาลูกไปพบคุณหมอโดยด่วน เพราะภูมิคุ้นกันของทารกในช่วงนี้ยังไม่แข็งแรงเต็มที่ จึงอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น จากโรคหวัดธรรมดา ไปเป็นโรคซางในเด็กเล็ก โรคปอดอักเสบ หรือโรคร้ายแรงอื่น ๆ ได้
สำหรับเด็กที่โตขึ้นมาหน่อย โดยส่วนมากแล้ว อาการของโรคหวัดธรรมดามักจะหายไปเองภายในไม่เกิน 7-10 วัน แต่หากลูกน้อยมีอาการอื่นๆร่วมด้วย ควรรีบพาลูกไปพบคุณหมอทันที เช่น
- มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส
- เด็กจับหูบ่อย ๆ เหมือนมีอาการเจ็บที่หู
- หายใจลำบาก หายใจหอบ หายใจเสียงดัง
- ไอไม่หยุด
- มีน้ำมูกเหนียวข้นสีเขียวออกมาหลายวัน
- ตาเริ่มแดง มีขี้ตาสีเหลืองหรือเขียว
- ซึม
- มีอาการอื่นๆที่คุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่าผิดปกติ เช่นร้องไห้ไม่หยุด หรือเสียงร้องดังผิดปกติ
- ไม่ยอมกินนม
- อาเจียนตลอด
ทำอย่างไรไม่ให้ทารกเป็นหวัด
ทำอย่างไรไม่ให้ ลูก 1 เดือนเป็นหวัด
ในปัจุบันยังไม่ทีทางป้องกันโรคหวัดได้ 100% แต่เราก็สามารถลดอัตราเสี่ยงไม่ให้ลูกเป็นหวัดได้โดย
- ให้ลูกกินนมแม่
- ล้างมือทุกครั้งก่อนจับลูก
- ฝึกนิสัยให้ลูกรักความสะอาด
- ให้ลูกนอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- ให้ลูกอยู่ห่างจากผู้ที่สูบบุหรี่
ที่มา : 1 2
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ทารกไม่ถ่าย ทำไงดี กี่วันถึงเรียกผิดปกติ 3 วัน 5 วัน หรือกี่สัปดาห์
ทารกจามบ่อย ผิดปกติไหม เพิ่งคลอดไม่นาน ทำไมจามบ่อยแบบนี้
คัมภีร์ดูแลทารก เด็กแรกเกิดต้องดูแลแบบนี้นะ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!